April 19, 2024   6:46:30 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 3 หุ้นสายสตรอง โบรกฯ จ่ออัพเกรดเป้าใหม่
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 23/05/2017 @ 08:55:17
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สิ้นสุดการประกาศงบไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน แม้มีหลายบริษัทที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีอีกหลายบริษัทที่เริ่มฉายแววโดดเด่นในแง่ของการฟื้นตัวของกำไรในช่วงที่เหลือของปี ทำให้มีโอกาสที่ Consensus ของบรรดานักวิเคราะห์จะเพิ่มประมาณการ หรือเป็นการสร้างอัพไซด์ใหม่ให้กับมูลค่าพื้นฐาน

ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ค่ายบัวหลวง ระบุว่าในสัปดาห์นี้ (23-25 พ.ค.) มี 3 หุ้นดาวเด่น ที่ทีมผู้บริหารเตรียมพบปะประชุมร่วมกับนักวิเคราะห์ ประกอบด้วย WORK, RJH และ ORI ยิ่งกว่านั้นหุ้นเหล่านี้ยังมีโอกาสถูกทบทวนปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปี หลังกำไรไตรมาสแรกออกมาฟื้นตัวได้ดีกว่าคาดอย่างมาก จนนักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเป็นหุ้นที่มีโอกาส “Outperform” ตลาดได้ในสัปดาห์นี้

เริ่มกันที่ “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์” (WORK) หนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจดิจิตอลทีวี ผลิตรายการโทรทัศน์และซื้อลิขสิทธิ์ออกอากาศหมายเลข 23 ช่อง "WORKPOINT" กับหลายรายการที่หลายคนรู้จักกันดี เช่น "ไมค์ทองคำ" "ปริศนา ฟ้าแลบ" และรายการ "The Mask Singer" เป็นต้น โดยผู้บริหาร WORK เตรียมให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์ในวันที่ 25 พ.ค.นี้

ในมุมมองด้านพื้นฐาน โบรกเกอร์ “ทิสโก้” ปัจจุบันให้ราคาพื้นฐาน 62 บาท ด้วยกำไรสุทธิไตรมาสแรกเติบโตได้แบบประทับใจ เพิ่มขึ้นถึง 489% Y/Y จากรายได้ธุรกิจทีวีเพิ่มขึ้นและการบริหารควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่มองว่า WORK เป็นช่องทีวีดิจิตอลที่โดดเด่นสุดในกลุ่ม จากเรตติ้งที่ครองอันดับ 3 มาต่อเนื่อง ทำให้สามารถปรับค่าอัตราค่าโฆษณาได้จากเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นได้เร็วและสามารถควบคุมต้นทุนได้จากคอนเทนท์หลักที่เป็นวาไรตี้ที่เป็นที่นิยมและมีต้นทุนต่ำกว่าช่องหลักอื่นที่เน้นละครที่ต้นทุนแพงกว่า ทำให้นักวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตแบบก้าวกระโดด เพิ่มขึ้น 159% จากปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิเกือบ 200 ล้านบาท

ด้าน "ดีบีเอส วิคเคอร์ส" มองว่า กำไรสุทธิไตรมาสแรก WORK ออกมาดีกว่าที่คาดอย่างมาก อันเป็นผลดีจาก Economy Of Scale โดยปัจจุบันประเมินราคาพื้นฐานที่ 65 บาท

ส่วน “บัวหลวง” มองการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาในดิจิตอลทีวี จะสร้างโมเมนตัมต่อเนื่องในปีนี้ และเชื่อว่า WORK เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม ขณะเรตติ้งของช่องปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้นWORK ยังมีความชัดเจนและความสม่ำเสมอในการทำกำไรมากที่สุดในกลุ่ม นักวิเคราะห์ให้เป้าหมายพื้นฐาน 66 บาท

ถัดมาคือหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งแม้ว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายรายปรับตัวลง เมื่อความมั่นใจต่อศักยภาพในการทำกำไรลดลง แต่ยังต้องจับตาโรงพยาบาลขนาดเล็กอย่างหุ้น RJH หรือ โรงพยาบาลราชธานี ซึ่งเป็นกำไรไตรมาสแรกโชว์อัตราการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มฯ หรือเพิ่มขึ้น 42.21% Y/Y มาอยู่ที่ 59 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นมาก รองลงมาเป็น LPH และ SVH ตามลำดับ

โบรกเกอร์ “ฟิลลิป” มองกำไรไตรมาสแรก RJH ถือว่าดีกว่าคาด ทำให้มีโอกาสทบทวนเพิ่มประมาณการจากเดิมที่ทั้งปีคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% จากกำไรสุทธิ 154 ล้านบาทในปีก่อน และมองแนวโน้มธุรกิจยังขยายตัวได้ดี แต่หากรวมกับไตรมาสสองที่เป็น Low Season ของอุตสาหกรรม อาจทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกยังไม่สดใสนัก แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้งจากการขยายศูนย์ให้บริการเพิ่มเติม อาทิ ผ่าตัดหัวไหล่ด้วยกล้อง และเครื่องอัลตร้าซาวด์ 4D ใหม่ 2 เครื่องที่จะเปิดในเดือน พ.ค. นี้ รวมทั้งเพิ่มจำนวนเตียง

ด้าน “ดีบีเอส วิคเคอร์ส” ระบุกำไรไตรมาสแรกของ RJH ดีกว่าคาดอย่างมาก นักวิเคราะห์ประเมินราคาพื้นฐาน 30 บาท

สุดท้ายคือ ORI หรือ “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ที่เพิ่งประกาศข่าวใหญ่ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนจากการเข้าเทคโอเวอร์ "พราวด์ เรสซิเดนท์" ใช้เงินลงทุนสูงถึง 4 พันล้านบาท พร้อมกับการเพิ่มทุน PP ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของพราวด์ฯ จำนวน 81.2 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้น 12.3157 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าบนกระดาน ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 94.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 171 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเมื่อเทียบกับภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

สำหรับประเด็นการซื้อกิจการของพราวด์ฯ เกิดคำถามว่าจะช่วยผลักดันกำไรได้อย่างไรในอนาคต นักวิเคราะห์ดีบีเอสฯ มองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีด้านการเติบโตแบบภายนอก (inorganic growth) หรือเติบโตแบบทางลัด โดยพิจารณาจากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.4 หมื่นล้านบาท ติดอันดับ 1 ใน 5 สูงสุดของอุตสาหกรรม มี Know-how และ Segment ของสินค้าครอบคลุมไปยังตลาดบน และจับลูกค้าต่างประเทศได้มากขึ้น

โบรกเกอร์รายนี้คาดว่าอัตราการเติบโตกำไรของ ORI ปี 2560-61 จะโดดเด่นในอุตสาหกรรม และเป็นสถิติสูงสุดใหม่ โดยให้ราคาพื้นฐานที่ 12.90 บาท อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตถึงความเสี่ยงคือรายได้จากการโอนและอัตรากำไรว่าจะต่ำกว่าประมาณการหรือไม่ ซึ่งจะต้องติดตามข้อมูลและอัพเดต Consensus ต่อไป

*********************************
ทีม Business&Finance, Money Channel

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com