นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบไม่มากนัก โดยปัจจัยที่เกี่ยวข้องยังมาจากต่างประเทศเป็นหลัก หลังจากที่สหรัฐฯ เผชิญความวุ่นวายในสภาฯ ต่อการลงมติเรื่องกฎหมายประกันสุขภาพที่มีความยืดเยื้อ ทำให้การที่สหรัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ออกมาต่อไปนั้น ก็อาจจะมีความล่าช้าด้วย ฉุดให้มีแรงเทขายดอลลาร์ต่อเนื่อง และทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมา ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่ประคองตลาดได้ในช่วงนี้

ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศนั้น กลุ่มแบงก์ยังคงถูกกดดันหลังจากได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ออกมาส่วนใหญ่ต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ตลาดก็ยังได้รับแรงหนุนชดเชยจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่แม้คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/60 อาจได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต๊อก แต่ตลาดส่วนใหญ่ก็รับรู้ไปก่อนหน้านี้ และหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ก็ได้ตอบรับข่าวไปแล้วในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ล่าสุดกลุ่มโรงกลั่น กลับได้ปัจจัยหนุนจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ และน่าจะเป็นระดับสูดสุดในรอบปีด้วย ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะเข้ามาเก็บหุ้นในรายกลุ่ม รายตัวที่ได้รับผลดีในช่วงนี้

ตลอดจนมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคอื่น เช่น ในกลุ่มไฟฟ้า ที่ไม่ได้รับความผันผวนจากภาวะตลาด และยังมีอัตราการจ่ายปันผลที่สูงด้วย รวมถึงมีแรงซื้อหุ้น AOT ที่ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องด้วย

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,576.73 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.20% มูลค่าการซื้อขาย 35,778.22 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยน่าจะยังเคลื่อนไหว Sideway ไม่แตกต่างจากการเคลื่อนไหวในวันนี้มากนัก โดยมองแนวรับที่ 1,570 จุด และแนวต้านที่ 1,585 จุด ขณะที่ตลาดยังรอดูปัจจัยจากการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปกในวันนี้ ซึ่งการติดตามข่าวล่าสุด การควบคุมการผลิตของ 2 ประเทศ คือ ลิเบีย และไนจีเรีย น่าจะยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ราคาน้ำมันที่จะเปิดตลาดคืนนี้ไม่มีแรงหนุนเข้ามามากนักเช่นกัน