ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ส.ค.60 ปิดที่ 1,568.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 47,001.78 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 527.42 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด MTLS ปิด 32.75 บาท ลบ 1.75 บาท, PTTGC ปิด 73.75 บาท บวก 1.25 บาท, TRUE ปิด 5 บาท ลบ 0.20 บาท, BH ปิด 208 บาท บวก 11.50 บาท และ CPF ปิด 27.25 บาท บวก 0.25 บาท

หุ้นไทยยังแกว่งกรอบแคบ เนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุนที่มีน้ำหนักที่ชัดเจน หลังสิ้นสุดการประกาศงบบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ส่วนประเด็นความรุนแรงจากเกาหลีเหนือ และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนหันมาเลือกลงทุนหุ้นรายตัวที่มีข่าวหรือปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่

บล.เคทีบีมองทิศทางตลาดระยะสั้นยังแกว่งตัวกรอบแคบ โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,566 จุด และแนวต้าน 1,573 จุด โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนไม่มีน้ำหนักกับดัชนีมากนัก เพราะนักลงทุนเริ่ม

เน้นสนใจหุ้นเป็นรายตัว และเป็นการซื้อขายระยะสั้นเท่านั้น ปัจจัยต้องติดตามสัปดาห์หน้าคือ ตัวเลขจีดีพี และตัวเลขการส่งออกของไทย

แนะกลยุทธ์ลงทุนให้ชะลอการซื้อขาย แต่หากต้องการเข้าลงทุน ให้เน้น Selective Buy รายตัว แบบระยะสั้นเลือกหุ้น Top Pick คือ PTTGC—ESSO และ BDMS

บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) แจ้งไตรมาส 2 ปี 60 มีผลขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาท โดยกลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวมโต 10% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า 2.4 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการบรอด-แบนด์ อินเตอร์เน็ตสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงในอัตราเลขสองหลัก โดยรายได้และฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม ผลักดันให้ EBITDA เติบโตถึงร้อยละ 37.8 จากช่วงก่อนหน้าเป็นจำนวน 8.7 พันล้านบาท และ EBITDA Margin เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 36.1

ด้าน บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) แจ้งวันก่อน งวด 6 เดือนแรกปี 60 มียอดขาย 245,587 ล้านบาท โต 10% เทียบกับช่วงปีก่อน เป็นยอดขายจากกิจการในต่างประเทศ 64% ยอดขายจากกิจการประเทศไทยที่จำหน่ายในประเทศ 30% และยอดขายจากการส่งออกจากประเทศไทย 6% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 8,020 ล้านบาท

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้น XD 25 ส.ค. และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 8 ก.ย.60!!

อินเด็กซ์ 51