ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,573.38 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.19 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 3.5 หมื่นล้านบาท * โดยขาเข้าซื้อสุทธิทางสถาบันเข้าเก็บอีก 1,775 ล้านบาท ตามด้วยรายย่อย 546 ล้านบาท ส่วนฝั่งเทขายต่างชาติสาดออกหนัก 2,033 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 289 ล้านบาท

* หุ้นแรกวันนี้ขอเลือก SUPER และให้น้ำหนักสำคัญเป็นพิเศษกันเลย เพราะนอกจากจะเป็นหุ้นพลังงานทดแทนที่สามารถเข้าซื้อได้ไม่ยากแล้ว แต่ยังเป็นหุ้นมีสภาพคล่องดี และมีสตอรี่เชิงบวกตุนกันไว้แน่นเต็มอัตรา จึงสามารถผลักดันให้ราคาหุ้นเติบโตต่อไปได้แบบสบายๆ * โดยล่าสุดมีข่าวดีชิ้นใหญ่มาหนุนหุ้นอีกครั้งแล้ว เพราะบริษัทได้ประกาศลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม กำลังการผลิตรวมสูง 700 MW ในเวียดนาม มีมูลค่าการลงทุนรวม 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่ง SUPER ที่จะถือหุ้น 51% ในบริษัทร่วมทุน และที่เหลือ 49% เป็นของพันธมิตรเวียดนาม

* แน่นอนหลายคนอาจถามไถ่กันว่า ดีลลงทุนใหญ่ขนาดนี้และยังมีโครงการลงทุนที่ต้องเดินหน้าตามแผนเดิมอีก ทาง SUPER จะเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนกันยังไง เรื่องนี้ทางผู้บริหาร SUPER ให้คำตอบกันมาแล้วว่า ฐานเงินลงทุนรองรับโครงการจะมาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1.ตั้งกองทุนอินฟราฯฟันด์ 2.ออกหุ้นกู้ 3.กู้เงินจากทางแบงก์ ซึ่งในฝั่งของทางแบงก์เองก็พร้อมให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี จึงไม่มีปัญหาติดขัดอะไรแน่นอน

* งานนี้ จึงถือเป็นปัจจัยบวกชิ้นใหญ่ต่อ SUPER ในระยะยาว ส่วนในระยะสั้นหุ้นจะได้ผลดีจากทิศทางผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่กำไรเติบโตแกร่งไม่หยุด เพราะแค่งวดครึ่งปีแรกนี่ก็ฟันกำไรแรงทะลักถึง 848 ล้านบาท ดังนั้น ค่า P/E ของหุ้นต่อจากนี้ไปจะยิ่งลดลงต่อเนื่องตามกำไรที่เพิ่มขึ้นแน่นอน โดยสะท้อนได้จากค่า P/E ล่าสุดลงต่ำเหลือแค่ 30 เท่าอย่างรวดเร็ว และน้อยกว่าช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเคยมีค่า P/E สูงแตะระดับ 100 เท่า

* ใครกำลังมองหาหุ้นพื้นฐานดี มีค่า P/E ต่ำ ขอให้ส่องไปที่หุ้น PDI กันได้เลย เพราะถือเป็นอีกหุ้นที่ค่า P/E ต่ำมากเพียง 5 เท่า ซึ่งเป็นผลบวกมาจากพื้นฐานธุรกิจที่เทิร์นอะราวด์เด่นและทำกำไรเติบโตแบบชนิดรายไตรมาสเช่นกัน โดยภาพรวมทั้งปี 60 ล็อกเป้าทำกำไรเติบโตกันชัดเจนแล้ว เพราะงบครึ่งปีแรกกวาดกำไรสุทธิไปท่วมกว่า 500 ล้านบาท และเท่ากับสูงกว่าภาพรวมทั้งปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 477 ล้านบาท ด้วยซ้ำไป

* เมื่อวานราคาวิ่งบวกแรงกว่า 3% พร้อมกับทำราคาหุ้นขึ้นมาปะทะแนวต้านสำคัญแถว 22.90 บาท หากวันนี้ราคาหุ้นไม่สามารถผ่านไปได้ หรือ โดนเทขายทำกำไรออกมากดดันให้หุ้นในกระดานปรับตัวลดลง เตรียมหาจังหวะเข้าเสียบเก็บสะสมก็น่าสนใจไม่เบาเหมือนกัน * เนื่องจากสถานการณ์ธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังของ PDI ยังคงเดินหน้าไปได้สวย ด้วยแรงหนุนหลักมา 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ราคาโลหะสังกะสีที่ทรงตัวในระดับสูง และบันทึกผลตอบแทนธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้า ซึ่งนับจากนี้ไปจะเห็นการบุ๊ครายได้-กำไรธุรกิจไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มยิ่งกว่าที่ผ่านมาเสียอีก เนื่องจากบริษัทมีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก

* ฟากหุ้น INGRS เป็นโอกาสที่จะหาเข้าซื้อสะสมหุ้นเหมือนกันนะ เนื่องจากราคาซื้อขายในปัจจุบันที่ระดับ 1.38 บาท เท่ากับมี P/E หุ้นต่ำเพียงแค่ระดับ 10 เท่า และถือเป็นหุ้น IPO ที่ค่า P/E ต่ำสุดในกลุ่มหุ้นใหม่ที่เข้าเทรดในปีนี้ ดังนั้น ราคาหุ้นปัจจุบันจึงไม่ได้แพงและเป็นโอกาสดีที่จะถือลงทุน * ขณะที่งบไตรมาส 2 (พ.ค.-ก.ค.) ส่องดูแล้วมีแววน่าจะยังรักษาการเติบโตได้ดีเช่นกัน เพราะเป็นในช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่ง INGRS เองมีสัดส่วนรายได้จากในไทยมากเกือบระดับ 40% เมื่อเทียบโครงสร้างรายได้รวม จึงทำให้บริษัทย่อมได้รับผลดีตามอุตสาหกรรมยานยนต์ไปด้วย * เมื่อวานทำราคาปิดการซื้อขาย 1.38 บาท เทียบกับราคาเป้าหมายที่โบรกฯ เคาะไว้แถว 1.60 บาท มีอัพไซด์รวมประมาณ 15% จึงเหลือช่องว่างให้ได้เล่นสบาย จะเทรดดิ้งหรือซื้อลงทุนก็น่าสนใจทั้งปวง จึงขอฝากไว้ให้นักลงทุนพิจารณากันดู *