ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ก.ย.60 ปิดที่ 1,637.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 53,946.48 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 377.34 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 56.75 บาท บวก 1.50 บาท, KBANK ปิด 213 บาท บวก 5 บาท, PTT ปิด 404 บาท ลบ 2 บาท, CPALL ปิด 63 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ BANPU ปิด 17.50 บาท บวก 0.20 บาท

“วิวัฒน์ เตชะพูลผล” รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ ประเมินว่า การเลือกตั้งปี 61 จะหนุนให้เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าหุ้นไทยกว่า 1.2 แสนล้านบาท มองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีแตะ 1,700 จุด ได้อานิสงส์กองทุน LTF และเศรษฐกิจหนุน แนะทยอยเก็บหุ้นตั้งแต่ตอนนี้ดักทางดัชนีปีหน้าที่คาดว่าจะเดินหน้าทำนิวไฮ 1,800 จุด!! โอ้ววววว

“วิวัฒน์” ระบุว่า การเมืองไทยที่เริ่มชัดเจนและมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายใน ส.ค.61 แน่นอน ประกอบกับต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยในระดับต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต จึงประเมินว่าตั้งแต่ ก.ย.60 ถึง ส.ค.61 จะมีเงินต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่องรวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท ช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นปี 61 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,800 จุดได้!!

ส่วนหุ้นไทยช่วงที่เหลือให้เป้าสิ้นปีไว้ที่ 1,700 จุด ด้วยระดับ Forward P/E ที่ 16.5 เท่า ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับอดีต แต่ไม่แพงนัก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค และความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ยังส่งผลให้หุ้นไทยเป็นตลาดที่นักลงทุนเลือกโยกเงินจากหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มาหลบภัย!!

แต่เดือน ก.ย.ประเมินหุ้นไทยจะ Sideways Up ในกรอบ 1,600 -1,650 จุด จึงเหมาะที่จะใช้จังหวะนี้เก็บสะสมหุ้นใหญ่ หุ้นเด่นเดือนนี้แนะ ANAN, BANPU, CK, RJH, ROJNA, TCAP และ TPIPP ส่วนหุ้นกลาง-เล็กที่เริ่มมีสัญญาณบวกทางเทคนิค คือ SOLAR, STA, AMA, ITD

ปิดท้าย โฟกัสหุ้น ROBINS วันก่อน บล.เอเซียพลัสแนะ “ซื้อ” ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สะท้อนว่าผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ธุรกิจค้าปลีกได้ผลบวกก่อนใคร มองว่า ROBINS เป็นค้าปลีกที่ปรับตัวได้ดี ทั้งการเพิ่มพื้นที่เช่าเป็น 30-40% ของพื้นที่รวม, เลือกผู้เช่าที่ให้บริการทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สันทนาการ แทนผู้เช่าเดิมที่ขายแต่สินค้าแฟชั่น ROBINS ยังสร้าง House band เชื่อว่าจะหนุน EBIT Margin

คาดกำไรปกติปี 60-61 จะโตได้ 8% และ 11% Expected P/E ปีนี้ที่ 23เท่า และปีหน้า 21 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มค้าปลีก ให้ราคาพื้นฐานที่ 67 บาท จึงยัง laggard!!