*ดูไป..ดูมา สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นต่างประเทศ วนเวียนซ้ำซาก เสมือนพายเรือวนในอ่างก็จริง แต่ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะเป็นจังหวะของการเรียนรู้ปัจจัยต่างๆ ว่ามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากขนาดไหน? อาทิเช่น ทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ภาวะเศรษฐกิจโลก การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลก หรือแม้กระทั่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญนะคะ

*ฉะนั้นอย่าได้เบื่อหน่ายกับประเด็นที่ “โมนิก้า” พยายามพูดย้ำหัวหมุดตัวเดิมทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะมันยังเป็นภาพเดิมๆ ที่เวียนมาบรรจบอีกครั้ง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวที่กระชากขึ้นอย่างร้อนแรงก่อนหน้านี้ วันนี้อ่อนตัวกลับลงมาใกล้ๆ กับจุดเริ่มเล่น มันเป็นภาพที่ฟ้องให้เห็นถึงยุทธการ “ตีหัวเข้าบ้าน” ซึ่งนักลงทุนนิยมนำมาเล่นในช่วงที่ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเจ้าค่ะ

*จุดสำคัญที่ “โมนิก้า” พยายามละไว้ในฐานที่เข้าใจก็คือ ท่าทีของพวกกองทุนขี้ตืด กับฝรั่งตาน้ำข้าว ยังนิยมวิธีการ “ดันหุ้นเพื่อปล่อยของ” กับ “ทุบหุ้นเพื่อรับของ” อยู่ใช่ไหม?..หากยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ย่อมมีความเสี่ยงที่ดัชนีจะอ่อนตัวลงอีกในไม่ช้า เพราะเมื่อมองไปข้างหน้าจะเห็นว่า ยังไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้เกิดความมั่นใจสุดๆ เดี๊ยนถึงต้องพุ่งเป้าไปยังเรื่อง “เข้าทำเร็ว” ไงล่ะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ BGRIM โดนกระหน่ำขายจนทรุดลงมาปิดที่ 21.60 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่า 467 ล้านบาท มันเป็นผลมาจากหมดรอบเล่น บรรดาผู้เล่นหลักถึงเร่งขายเพื่อเอากำไรมานอนกอดนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นการสร้างกระแสเพื่อไม่ให้คนลืม งานนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องเม้าท์ถึงเรื่อง growth เพราะทุกคนรู้ดีว่า การขึ้นมาเที่ยวนี้เป็นการหยั่งแรงซื้อเยอะขนาดไหนนะคะ

*โหดสุดๆ ในเกมนี้ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง GCAP หุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อเช่าซื้อรถไถ ซึ่งของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ธุรกิจเป็นแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นจนเข้าตากรรมการ แต่ดันไล่ราคากันอย่างบ้าระห่ำ จนหุ้นขึ้นไปยืนแถว 8 บาท ต่อจากนั้นทุบพรวดเดียวลงมากองที่ 6 บาท ต่อจากนั้นดันกลับขึ้นไป 7 บาทอีกรอบ ก่อนจะโดนกดลงมายืนอยู่ที่ 6.50 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 6.50% ด้วยมูลค่า 136 ล้านบาท บอกได้คำเดียวว่า ไม่แน่จริง..อย่าโอหัง นะตัวเอง

*เช่นเดียวกับในรายของ QTC ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกันกับรายข้างต้น แต่รายนี้แย่กว่าตรงที่ได้ใช้สตอรี่แบบไม่ยั้งคิด จนกลายเป็นเรื่องโอเว่อร์แอ๊คติ้งในสายตาแมงลือ บวกกับเหล่าผู้เล่นเริ่มรู้ทันการโยกเงินจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา จึงไม่มีใครคิดจะถือหุ้นต่อไปอีกแล้ว วานนี้ถึงเห็นหุ้นทรุดลงมาอยู่ที่ระดับ 15 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 9% “โมนิก้า” ถึงกล้าพูดอย่างไม่เหนียมอายว่า ลงหนัก 2 วันติด..เกมจบแล้ว!

*ผิดกับในรายของคนขายกล้อง SKY ยังคงเฉิดฉายบนกระดาน mai ได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง แม้ราคาหุ้นจะไม่เร่าร้อนเท่าหุ้นดาวรุ่งผีพุ่งใต้ แต่เป็นหุ้นที่ยืนระยะได้ค่อนข้างดี บวกกับการได้งานมูลค่าเกือบ 900 ล้านบาทมาไว้ในมือ เลยทำให้หุ้นตัวนี้มีราศีขึ้นเยอะ และยังทำให้ซีอีโอหนุ่ม “สิทธิเดช มัยลาภ” ถูกกล่าวถึงมากขึ้นอีกด้วย..งานนี้เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า หุ้นเด้งขึ้นมารับข่าวเป็นที่เรียบร้อย การจะไปต่อของหุ้นคงต้องขึ้นอยู่กับกำไรจริงๆ จะออกมาดีเหมือนกับที่คาดหวังหรือเปล่า?

*ตบท้ายด้วยเรื่องยุ่นๆ ปี่ๆ เพราะไม่ทันไรหุ้นลีสซิ่งสีเทาที่เพิ่งขายฝันไปหยกๆ ว่า จะมีลูกค้าอยู่ครึ่งโลกอย่าง GL ก็แสดงอภินิหารเกาจิ้งลากหุ้นไปจุดสุดยอดของวันที่ 26.25 บาท ก่อนสาดทิ้งไม่ยั้งจนทรุดฮวบลงมาปิดที่ 23.50 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.29% ด้วยมูลค่า 3.39 พันล้านบาท

*สิ่งที่เกิดขึ้น “โมนิก้า” ถือเป็นตัวย้ำหัวหมุดว่าเหตุใดถึงรู้สึกสมเพชเมื่อเห็น “หุ้นยุ่นขาแว้น” ตัวนี้บวกขึ้นมาเกือบชนซิลลิ่งเมื่อวันก่อน แต่เพื่อความเป็นธรรมด้วยหัวใจบริสุทธิ์ เดี๊ยนขอออกตัวแทนให้เหล่าซามูไรกลายพันธุ์สักหน่อยว่าไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว!

*งานนี้บอกเลยยิ่งล้วงลึกมากเท่าไหร่ เดี๊ยนยิ่งรู้สึกเสียว (สันหลัง) วาบเท่านั้น เพราะล้วงไปล้วงมาดันเจอ (ต้น) ตอของการที่หุ้นพุ่งกระฉูดขึ้นด้วยความกลัดกลุ้มและลงเอยแบบไร้เยื่อใยดังที่เห็น แถมพรายกระซิบคนสนิทยังคอนเฟิร์มด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ถือเป็นเรื่องสมประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งกับ “ดร.” คนดังรายหนึ่ง

*โดยกลุ่มชนที่ว่านี้หาใช่ใครอื่นไกลไม่ นอกจากเหล่าบรรดานักเรียนโข่งร่วมรุ่นกลุ่มหนึ่งที่กำลังขะมักเขม้นฝึกปรือวิทยายุทธด้านการลงทุนในหลักสูตรชื่อดังที่ว่ากันว่า สามารถฉายฝันให้ผู้รับการถ่ายทอดได้เห็น “ที่สุดของความมั่งคั่ง” ได้ถึงพริกถึงขิง “โมนิก้า” ถึงอยากบอกกับมิตรรักแฟนเพลงตรงนี้เลยว่า พรุ่งนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด!

*ด้วยความชอบเผือกเป็นอาจิณ เดี๊ยนอาจจะขันอาสาเป็นคนกระชากหน้ากากทุเรียน อุ้ย! หน้ากากไอ้โม่งให้แฟนคลับทุกท่านได้เห็นชัดถึงโฉมหน้าของเหล่านักเรียนโข่งกับดร.คนดัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความพินาศ“ย่อยยับ” และแน่นอนว่า ทฤษฎีสมคบคิดรอบนี้เป็นตัวบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า มันจบแล้วนะจ๊ะ..นายจ๋า!