March 29, 2024   9:28:50 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > JMART มีอะไร หุ้น All Time High บริษัทฯ เตรียมแถลงแผนดิจิตอลแพลตฟอร์ม
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 16/01/2018 @ 08:41:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

Money Channel (15 ม.ค. 61) -- ร้อนแรงตั้งแต่เปิดเทรดวันแรกของสัปดาห์ (จันทร์ 15 ม.ค.) SET index ยังเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ แตะจุดสูงสุดระหว่างวัน ณ ระดับ 1,830 จุด วอลุ่ม 9.4 หมื่นล้าน หนุนโดยแรงซื้อหุ้นบิ๊กแค็ปที่กระจายในหลายหมวดอุตสาหกรรม ภาพตลาดบวกต้อนรับสัปดาห์แห่งการประกาศงบไตรมาส 4 และงวดปี 2560 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันมีมาร์เก็ตแค็ปใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และหากผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด ก็เป็นไปได้ที่จะกระทบต่อเป้าหมาย SET index ของโบรกเกอร์ที่คาดไว้
สำหรับหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวโดดเด่น รวมถึงกลุ่มบมจ.เจ มาร์ท หรือ JMARTที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นร้อนแรงในระหว่างวัน และทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2552
บริษัทย่อยของ JMART ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีทั้งหมด 3 บริษัท ได้แก่ บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT (ถือหุ้น 57.04%) , บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย หรือ SINGER ถือหุ้น 25% และ บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J ถือหุ้น 67.5%
อัพเดตราคาหุ้นกลุ่ม JMART เป็นดังนี้ (ปิดตลาด จันทร์ 15 ม.ค) :
JMART +7.18% อยู่ที่ 20.90 บาท/หุ้น ปริมาณซื้อขาย 454.5 ล้านบาท
JMT +8.26% อยู่ที่ 32.75 บาท/หุ้น ปริมาณซื้อขาย 103.8 ล้านบาท
SINGER +6.06% อยู่ที่ 14.00 บาท/หุ้น ปริมาณซื้อขาย 39 ล้านบาท
J ราคาไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 2.16 บาท/หุ้น
แรงซื้อหนาแน่น ดักหน้าก่อนงานแถลงข่าวของกลุ่ม JAMRT ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) ในหัวข้อ Business Direction 2018 : "The Power of Synergy Chapter III" บริษัทฯ ชูกลยุทธ์ในฐานะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและการเงินด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทั้งภาพรวมการจัดจำหน่ายธุรกิจโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป ธุรกิจบริหารหนี้ และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และทิศทางอนาคตของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดที่จะนำเอาเทคโนโลยี Fintech มาเสริมทัพเพื่อให้รองรับการปฏิวัติด้านค้าปลีกในอนาคต
นักวิเคราะห์ที่มองบวก JMART เป็นเพราะเชื่อใน Synergy ระหว่างบริษัทในกลุ่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของกำไรในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
บล.เคทีบี (ประเทศไทย)ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า JMART เป็นบริษัทที่ลงทุนในบริษัทย่อยที่หลากหลาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Synergy II โดยบริษัทฯ จะเน้นความร่วมมือของกลุ่มธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากเดิม โดย J Ventures จะเน้นการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับการติดตามหนี้ และการจ่ายชำระค่างวดที่ดีขึ้น เช่น Jaii Dee รวมทั้งการเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจผ่านการให้บริการฐานข้อมูล Big data ให้แก่กลุ่มบริษัท และการเข้าลงทุนในบริษัท Deep Pocket เพื่อรองรับการใช้จ่ายแบบ E-Wallet ในขณะที่ JMT จะรับซื้อหนี้ที่มีหลักประกันมาขาย ผู้บริหารมองว่า Synergy II นี้จะช่วยสนับสนุน และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต ตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มากขึ้น
นักวิเคราะห์คาดบริษัทฯ มีกำไรสุทธิปี 2560-61 อยู่ที่ 558 และ 758 ล้านบาท ขยายตัว 24% และ 37% ตามลำดับ จากปัจจัยหนุนรายได้จากการให้บริการติดตามหนี้สินที่ขยายตัวสูงในปี 2560-61 ที่ 63% และ 21% จากขนาดของหนี้เสียที่บริษัทฯ รับซื้อเพิ่มขึ้นสูง โดยยอดขายและราคาขายเฉลี่ยของโทรศัพท์มือถือปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับการกลับมาของ SINGER ที่ธุรกิจดีขึ้นจากการให้บริการสินเชื่อรถแลกเงิน และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง ภายหลังการปรับเปลี่ยนรูปแบบการติดตามลูกหนี้ และกำไรสุทธิของบริษัท J Fintech ที่เพิ่มขึ้นตามการขยายพอร์ตลูกหนี้ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิระยะยาวที่ CAGR ปี 2561-63 เฉลี่ย 36% จึงให้ราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 23.00 บาท
ฝั่งบล.บัวหลวงประเมินราคาเป้าหมาย JMART อยู่ที่ 21.30 บาท มองกำไรไตรมาส 4/60 จะเติบโตได้ทั้ง Y/Y และ Q/Q โดยการเติบโตจากการขายโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปที่เติบโตขึ้นตามอุตสาหกรรม และจากกำไรของ JMT ที่คาดเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการของSINGER ที่คาดจะกลับมามีกำไรอย่างมีนัยยะ รวมถึงกลยุทธ์การขายของบริษัทฯ ที่คาดจะหนุนให้กำไรมีการเติบโตต่อเนื่อง
ค่ายบัวหลวงยังคงประมาณการกำไร JMART ปี 2560-61 ไว้ที่ 554 และ 705 ล้านบาท เติบโต 26% และ 27% ตามลำดับ โดยคาดรายได้จากการขายโทรศัพท์มือถือจะเติบโตได้ตามสภาวะอุตสาหกรรม และผลประกอบการของ JMT ที่คาดเติบโตสูงจะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการที่สำคัญ
ในวันอังคาร 16 ม.ค. บริษัทฯ มีแถลงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของกลุ่ม JMART เรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างธุรกิจพัฒนาดิจิตอลแพลตฟอร์ม ขณะความได้เปรียบของกลุ่ม JMART คือฐานข้อมูล ซึ่งเป็น "Big data" ที่ยังไม่ได้นำมาทำให้เกิด Synergy ระหว่างกัน
ไฮไลท์ในธุรกิจต่างๆ ของ JMART ประกอบด้วย :
JMT มีฐานลูกค้า 3 ล้านราย
JMART มีฐานลูกค้า 1 ล้านราย
SINGER มีฐานลูกค้า 6 แสนราย บริษัทฯ วางเป้าในอีก 2 ปีข้างหน้า ฐานลูกค้าของกลุ่มฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านราย
********************************ทีม Business&Finance, Money Channel

ที่มา: www.moneychannel.co.th

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com