ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ก.พ.61 ปิดที่ 1,799.45 จุด บวก 13 จุดมีมูลค่าการซื้อขาย 51,313.71 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 5,149.54 ล้านบาท กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 4,496.02 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 438.13 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 1,091.65 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย AOT ปิด 67.50 บาท ลบ 0.25 บาท, PTT ปิด 488 บาท บวก 8 บาท, PTTEP ปิด 115.50 บาท บวก 3.50 บาท, EA ปิด 69 บาท บวก 1 บาท และ BANPU ปิด 21.20 บาท บวก 0.20 บาท

หุ้นไทยรีบาวด์ตามหุ้นโลกที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว นำโดยหุ้นขนาด ใหญ่ ที่ปรับตัวขึ้นหนุนตลาด นำโดยหุ้นในกลุ่ม ปตท. PTT, PTTEP

ขณะที่หุ้น TTCL ยังคงดิ่งลงอย่างหนัก หากนับจากวันที่เริ่มลงคือ 6 ก.พ. หลัง Toyo Engineering Corporation ผู้ถือหุ้นใหญ่ ถึงขายหุ้นออกมาหมด

ย้อนไปเมื่อปี 2528 TTCL เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง Toyo Engineering ของญี่ปุ่น และ ITD (อิตาเลียนไทย) เพื่อให้บริการด้านออกแบบวิศวกรรม และก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร(EPC)

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า Toyo Engineering ขายหุ้น TTCL ทั้งหมด 56 ล้านหุ้น จะมีกำไรราว 2,400 ล้านเยน

หรือ 700 ล้านบาท เชื่อว่า Toyo Engineering จะนำไปชดเชยผลประกอบการของบริษัทที่ขาดทุนนั่นเอง

อีกเหตุผลที่ Toyo Engineering ขายหุ้น TTCL น่าจะมาจากความกังวลต่อการลงทุนของ TTCL ในโรงไฟฟ้าที่มีมากขึ้นในอนาคต

ฝ่ายวิจัย เชื่อว่า TTCL มีโอกาสเพิ่มทุน เพื่อระดมทุนสร้างโรงไฟฟ้าในเมียนมา โดยขณะนี้ผู้บริหาร TTCL ต่างก็เป็นผู้ถือหุ้น หากเพิ่มทุน ภาระจะตกอยู่กับผู้บริหารด้วย

ในแง่การบริหารนั้น ฝ่ายวิจัย เชื่อว่า TTCL ไม่กระทบ แม้ Toyo Engineering ไม่ได้ถือหุ้นแล้ว เพราะปัจจุบัน TTCL บริหารงานด้วย

ทีมคนไทยทั้งหมด และ CEO ที่เป็นชาวญี่ปุ่นก็เป็นคนของ TTCL และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งด้วย

มาถึงตรงนี้ ต้องรอดูว่า TTCL จะชี้แจงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไร ที่สำคัญ ใครเป็นผู้ซื้อหุ้น TTCL ต่อจาก Toyo Engineering ฉะนั้นในช่วงนี้ จึงคงคำแนะนำ switch ออกจากหุ้น TTCL ไปก่อน!!!