ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 เม.ย.61 ปิดที่ 1,751.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.35 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 55,590.20 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,479.49 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิดที่ 550 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท, EA ปิด 30.75 บาท ลบ 4.50 บาท, AOT ปิด 70.50 บาท บวก 0.75 บาท, KBANK ปิด 193 บาท บวก 1 บาท และ SCC ปิด 492 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท

“วิน อุดมรัชตวนิชย์” ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ลงจากเดิมที่คาดไว้ 1,910 จุด มาอยู่ที่ 1,860 จุด จากความกังวลผลประกอบการของกลุ่มธนาคารหลังมีการยกเลิกค่าธรรมเนียม ทำให้สูญเสียรายได้

โดยฝ่ายวิจัยคาดว่ามีผลเชิงลบต่อกำไรสุทธิของตลาดโดยรวมจากเดิมที่คาดไว้จะโตได้ 9% จะลดลงมาเหลือเพียง 6.5% โดยกลุ่มธนาคารจะมีผลกระทบต่อกำไรรวมลดลง 1-1.5% ขณะที่กลุ่มเช่าซื้อที่ประกาศราชกิจจาฯฉบับใหม่ว่าด้วยเรื่องสัญญาเช่าซื้อต้องแสดงอัตราการคิดดอกเบี้ย effective rate และคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% คาดว่าจะทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนรวมลดลง 0.5%

นอกจากนี้ กลุ่มปิโตรเคมี มีส่วนต่างราคาน้ำมันและปิโตรเคมีที่ลดลง อาจส่งผลต่อกำไรกลุ่มด้วย

“วิน” ยังได้ประเมินแนวโน้มการลงทุนไตรมาส 2 เชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวได้ดีขึ้น เพราะราคาหุ้นที่ปรับลงมาช่วงปลาย มี.ค.-ต้น เม.ย. ทำให้ราคาหุ้นหลายตัวน่าเข้าลงทุน และช่วงสงกรานต์จะเริ่มประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก จะช่วยผลักดันบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นเดือน เม.ย.จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700-1,800 จุด ส่วนปัจจัยต่างประเทศเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ คาดว่ามีผลกระทบต่อหุ้นไทยไม่มาก

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนได้แก่ ท่องเที่ยว ภาคการส่งออก เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ให้ระมัดระวังหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคที่ไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ รวมถึงกลุ่มขนส่ง ที่มีความเสี่ยงราคาน้ำมันที่สูงขึ้น!!

ปิดท้ายมีข่าวบอร์ด EFORL ผู้ถือหุ้นใหญ่วุฒิศักดิ์คลินิก ได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยการออกหุ้นสามัญ 16,108.28 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ PP 5 ราย ได้แก่ นายวิชัย ทองแตง ดร.ชาคริต ศึกษากิจ นายเกรียงไกร เธียรนุกูล นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล นายเกรียงไกร ฏิระวณิชย์กุล ในราคาหุ้นละ 0.040 บาท มูลค่ารวม 644.33 ล้านบาท.