ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ก.ค.61 ปิดที่ 1,636.63 จุด ลบ 6.97 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 44,493.49 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 766.58 ล้านบาท

ตลาดปรับตัวลง จากสงครามการค้า หลังสหรัฐฯเผยรายการสินค้าจีน ที่จะถูกเก็บภาษี 10% มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์

หุ้นซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 48.50 บาท ลบ 0.25 บาท, PTTEP ปิด 136 บาท ลบ 2.50 บาท, PTTGC ปิด 77.50 บาท ลบ 0.50 บาท, AOT ปิด 64.75 บาท ลบ 0.75 บาท และ BEAUTY ปิด 7.50 บาท ลบ 0.10 บาท

“ณัฐชาติ เมฆมาสิน” จาก บล.ทรีนีตี้ เอาตะแกรงร่อนหา “หุ้นเด่น” ที่ราคามีโอกาส “ดีดกลับ” ได้ดีกว่าตลาดหลังเดือน ก.ค.ดัชนีเริ่มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากปัจจัยภายนอกเริ่มคลี่คลาย และตลาดได้รับข่าวร้ายมามากแล้ว โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯและยังได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูง และมีแรงจากสถาบันในประเทศ ขณะที่ต่างชาติมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อค่าเงินบาท

ที่สำคัญ Valuation หุ้นไทยลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจในทุกมิติ ขณะที่ความผันผวนของตลาดลดลง เนื่องจากสถานะคงค้างของธุรกรรม Block trade ได้ถูกปิดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ

พร้อมยันเป้าดัชนี เดือน ก.ค. จะกลับขึ้นมาที่ 1,650 จุด ได้เป็นอย่างน้อย และมีลุ้นทะลุกรอบขึ้นมาทดสอบที่ 1,680-1,700 จุด หากกำไรบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าที่คาด

มองหุ้นใหญ่เด้งกลับก่อน เพราะราคาลงไปต่ำเกินพร้อมเปิดรายชื่อหุ้นใหญ่ใน SET 50 ที่เข้าเกณฑ์ “หุ้นดีดกลับ” ทั้งจากปัจจัยพื้นฐานและหุ้นที่ยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมายของทรีนีตี้ ได้แก่ BANPU, PTT, PTTEP, SPRC, TOP, IVL, PTTGC,
SCB, TMB, TRUE, DTAC, ROBINS, SCC และ TU

ปิดท้าย “ดร.ประเสริฐ ภัทรมัย” ประธานกรรมการ บมจ. ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) บริษัทที่ทำธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมมากว่า 40 ปี

หุ้นน้องใหม่ที่เข้าเทรดวันที่ 12 ก.ค.นี้ บอกนักลงทุนมั่นใจพื้นฐานแกร่ง ได้กระแสตอบรับดีเยี่ยม จากนักลงทุนที่แห่จองซื้อล้นหลาม มั่นใจจะเป็นหุ้นน้ำดีในตลาดหลักทรัพย์!!