ดัชนีหุ้นวันที่ 12 ก.ค.61 ปิด 1,640.93 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 46,976.00 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 558.4 ล้านบาท

หุ้นซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 48 บาท ลบ 0.50 บาท, CPALL ปิด 76.50 บาท ลบ 2.25 บาท, BEAUTY ปิด 8.10 บาท บวก 0.60 บาท,PTTEP ปิด 134 บาท ลบ 2 บาท และ PTTGC ปิด 77.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

หุ้น บมจ.ทีมคอนซัลติ้งเอนจิเนียริ่งแอนด์แมเนจเมนท์ (TEAMG) ซื้อขายวันแรกปิด 2.70 บาท บวก 0.28 บาท หรือ 11.57% จากราคา IPO ที่ 2.42 บาท “ชวลิต จันทรรัตน์” ซีอีโอ TEAMG ย้ำนักลงทุนเชื่อมั่นพื้นฐานธุรกิจ พร้อมเดินหน้าประมูลงานรัฐ ระบุแนวโน้มรายได้ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะมี Backlog ในมือ 3,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้มากขึ้นในครึ่งปีหลัง ส่วนแผนขยายธุรกิจตั้งเป้าให้ครบ 10 ประเทศ ใน 3-5 ปี จากขณะนี้มี 7 ประเทศ

ปิดท้ายมีข่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “มาร์ค โมเบียส” ผู้ก่อตั้งโมเบียสแคปิตอลพาร์ทเนอร์ส ซึ่งเชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ เตือนว่า วิกฤติการเงินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หลังสิ้นสุดยุคอัตราดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเตือนว่าสถานการณ์ความตึงเครียดการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯอาจเลวร้ายลง

“วิกฤติการเงินจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เพราะต้องไม่ลืมว่าเรากำลังออกจากยุคเงินถูกแล้ว และบริษัททั้งหลายที่พึ่งพาเงินเหล่านั้นจะต้องถูกรีดดอกเบี้ยจริงๆแล้ว”

ทั้งนี้ สภาพคล่องในระบบการเงินและเศรษฐกิจโลกหดหายไป หลังสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยและธนาคารกลางยุโรป ออกจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงตลาดเกิดใหม่อย่างมาก และยังมีปัจจัยลบจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งกดดันให้เงินไหลออก

“โมเบียส” ยังคาดว่า สงครามการค้าจีน สหรัฐฯจะรุนแรงขึ้น เนื่องจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” คงจะเห็นว่าแม้ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ก็ไม่ส่งผลกระทบด้านเงินเฟ้อในสหรัฐฯมากนัก เนื่องจากได้รับการชดเชยจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามค่าจ้างและการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

“โมเบียส” ยังระบุว่า ดัชนี MSCI ตลาดเกิดใหม่อาจลดลงอีก 10% จากขณะนี้จนถึงสิ้นปี ขณะที่ดัชนีได้ลงมาแล้ว 16% จากระดับสูงสุดของปี ซึ่งหากดัชนีลงไปถึง 20% จะถือว่า “ตลาดเข้าสู่ภาวะหมี”!!

อินเด็กซ์ 51