*สิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางสำหรับการเล่นหุ้นในแต่ละวันไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เป็นพฤติกรรมการเคาะหุ้นของโรบอตเทรดที่เล่นกันหนักข้อมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตลาดหุ้นไทยออกมาซวนเซให้เห็นอีกครั้งนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นที่ต้องออกโรงถลกหนังหัวในไม่ช้า เพราะเป็นตัวการที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยหมดความเซ็กซี่ไปอย่างรวดเร็วนะคะ

*วันนี้จึงขอเปิดประเด็นดังกล่าวให้เพียงเท่านี้ เพื่อทำให้ทุกคนกลับไปคิดเรื่องดังกล่าวกันสักวันสองวัน หลังจากนั้นเดี๊ยนจะเป็นคนมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอย่างหมดเปลือก เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ซึ่งทำให้สภาพของตลาดหุ้นไทยทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ จนบรรดาแมงเม่าเริ่มถอนสมอจากตลาดหุ้นไปทีละรายสองรายแล้วนะซี

*ด้วยเหตุนี้อย่าได้แปลกใจที่ช่วงเช้าดัชนีบวกขึ้นไปเกือบ 10 จุด พร้อมกับประคับประคองยืนปิดบวกในครึ่งภาคเช้า พอเปิดภาคบ่ายกลับโดนสาดทิ้งแบบไม่มีเยื่อใยไมตรีแบบนี้ พรายกระซิบแถวปทุมวันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฝีมือหุ่นยนต์อีกแล้ว เพราะไม่มีใครทำวีรกรรม โฉด ๆ..อุ๊ย..โหด ๆ แบบนี้ได้อีกแล้ว วานนี้ถึงเห็นดัชนีปิดกล่องด้วยการหยุดอยู่ตรง 1,674.22 จุด ลบไป 1.53 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาทไงเล่าค่ะ

*ขนาดหุ้นดาวเด่นอย่าง PTTGC มีข่าวดีรอรับเต็มประตูหน้าต่าง กลับถูกเทขายทิ้งแบบไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติมากเกินไป และเมื่อมองดูจากการตั้งออเดอร์ซื้อ ๆ ขาย ๆ ที่เป็นงานถนัดของพวกโรบอต เดี๊ยนเลยเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นทรุดลงมาปิดที่ 80.75 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.19 พันล้านบาท เพราะพวกนี้สองสามช่องก็เอากันแล้วจ้า!

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” จำเป็นต้องตั้งคำถามกับบรรดาแมงเม่าว่า AOT สวนภาวะตลาดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 65.75 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.47 พันล้านบาท ใช่จังหวะการขึ้นรอบใหม่แบบยาว ๆ หรือเปล่า? เพราะบางครั้งเดี๊ยนก็ไม่เข้าใจเหตุผลที่ทำให้หุ้นยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง จึงขอรบกวนผู้รู้ไขข้อข้องใจที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ด้วยพะยะค่ะ

*ส่วนที่เข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว และไม่ต้องมีคนมาอธิบาย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นน้องสวย BEAUTY เป็นรายถัดไปในทันที เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งธงเอาไว้แล้วว่า หุ้นต้องบวกต่อเพื่อทำให้โมเมนตัมของหุ้นดีขึ้น พอเอาเข้าจริงกลับทรุดตัวลงมาปิดที่ 7.85 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.69 พันล้านบาท จึงต้องท่องคาถาตัวใครตัวมันอย่างรวดเร็วไงล่ะคะ

*อีกหนึ่งหุ้นที่ถูกพาดพิงในทำนองถูกโรบอตเล่นงานจนเสียศูนย์ไปพักใหญ่ ๆ “โมนิก้า” ของพุ่งเป้าไปยัง KTC เป็นลำดับถัดมา เพื่อทำให้พวกอ่อนต่อโลกเลิกมโนกันเสียทีว่า ขาใหญ่คนนั้นทุบ..ขาใหญ่คนนั้นทำ เพราะข้อมูลที่มีอยู่ในมือของผู้รู้เขาชี้เป้าไปที่เรื่องดังกล่าวเต็ม ๆ เดี๊ยนเลยถึงบางอ้ออย่างรวดเร็ว พร้อมกับเข้าใจสาเหตุที่หุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ 28 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 12.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.55 พันล้านบาทเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ SAWAD อาจมีประเด็นหลายอย่างที่ทำให้หุ้นทรุดตัวลงแรง พอทุกอย่างสงบราบเรียบไม่มีโรคแทรกซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง ราคาหุ้นก็เริ่มวิ่งขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จากก่อนหน้านี้ย่ำฐานอยู่แถว ๆ 30 บาท ล่าสุดวานนี้หุ้นโผล่ขึ้นมาปิดที่ 37.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.21 พันล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นจังหวะที่มีลุ้นได้ถึง 40 บาทเชียวน่าตัวเอง!

*เช่นเดียวกับในรายของจับเสือใส่ถังพลังสูง ESSO ทะยานขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วันติด ๆ จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 14.30 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 520 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการกลับโพสิชั่นครั้งสำคัญอีกเช่นกัน เพราะมองในมุมของสัญญาณเทคนิคก็สวยสดงดงาม หรือมองในมุมของพื้นฐานหุ้นที่เทรดบนค่า P/E 7 เท่า ยิ่งทำให้เชื่อว่า หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 15 บาทง่ายขึ้นเจ้าค่ะ

*สำหรับรายที่ตั้งทรงสวยขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่นหุ้นดูดี DOD กลายเป็นทีเด็ดที่นักเล่นเริ่มตุนของเข้าพอร์ตต่อเนื่อง เมื่อบวกกับสตอรี่ที่ถูกปล่อยออกมาไม่ขาดสาย “โมนิก้า” เลยเข้าใจการทะยานขึ้นมาปิดที่ 13.80 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 690 ล้านบาท มันมาจากเหตุการณ์หลายอย่างปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมตลอดเวลา แวลูของหุ้นถึงสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญพะยะค่ะ

*คล้ายกับกรณีของ PSTC ไต่ระดับขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนวานนี้พุ่งขึ้นมาปิดที่ 0.72 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 72 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่ยังมีลุ้นขึ้นไปยืนเหนือ 0.75 บาท หลังแรงซื้อมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับสัญญาณเทคนิคฟอร์มตัวสวย จึงกลายเป็นช็อตของการเล่นแบบ follow buy โดยไม่มีข้อแม้นะคะ