*หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า หุ้นจำนวนมากยังติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่สามารถทะยานขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้อย่างแข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนตัวที่มีลักษณะ w-shape โดยจุดต่ำสุดของการย่อตัวแต่ละรอบสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักเล่นยังต้องเคาะวนไปนะจะบอกให้

*เหล่านี้เป็นประเด็นที่ผู้เล่นรับรู้กันมานานพอสมควร และคงไม่ต้องชี้แนะอะไรมากมาย เพราะการที่ดัชนีแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ก่อนจะมาปิดที่ 1,712.09 จุด บวกไป 3.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.75 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเหตุการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นเป็นประจำ จึงไม่ใช่ช็อตที่ต้องตื่นเต้นอะไรมากมาย และผู้เล่นควรทำตัวพลิ้วไหวไปตามกระแสตลาดหุ้นในแต่ละวัน ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่ทำให้นักเล่นอยู่รอดปลอดภัยพะยะค่ะ

*รูปแบบการเล่นดังกล่าวเหมือนกับการอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องของหุ้น CPALL ล้วนเป็นแพตเทิร์นเดิมที่ผู้เล่นหลายคนคุ้นเคย ก่อนหน้านี้เคยขึ้นไปติดกรอบด้านบนที่บริเวณ 80 บาทอย่างไร วันนี้ก็ยังติดกรอบดังกล่าวเหมือนเดิม แถมวันนี้กำลังโค้งตัวทำ new low อีกครั้ง ผู้เล่นก็ควรลงไปรอแถวล่าง ๆ น่าจะปลอดภัยสุด หลังหุ้นลงมาปิดที่ 73.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาทแล้วนะซี

*สำหรับในรายของ SCB ทะยานขึ้นมาปิดที่ 141.50 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 1.81 พันล้านบาท ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า หุ้นกำลังอยู่ในช่วงทะยานแบบสุดซอย จึงต้องตามกระแสให้ทัน ไม่มีอะไรต้องคิดให้เสียเวลา แถมรูปแบบของหุ้นในช่วง 2 เดือนออกมาในโทน W-Shape น้องโมถึงเชื่อว่า หุ้นน่าจะย่อตัวลงสักเล็กน้อยเป็นพิธี ก่อนทะยานขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมนะคะ

*ส่วนรายที่น่าเป็นห่วงสุด ๆ “โมนิก้า” คงต้องเหลือบดู MALEE เป็นลำดับแรกอีกเช่นกัน เพราะแรงเทขายไม่มีทีท่าจะเบาลงเลย แถมลักษณะการขายเที่ยวนี้ทำเหมือนบริษัทกำลังเจ๊ง ? มันเป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์อย่างรุนแรง ยิ่งเห็นหุ้นทิ้งตัวลงมาหา low เดิมแถวบริเวณ 11.60 บาท ยิ่งทำให้เดี๊ยนกังวลการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 13.60 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 83 ล้านบาทมากขึ้น เพราะวันนี้เทรดกันที่ราคาต่ำมาก ๆ แต่แรงเทขายยังมีออกมาเรื่อย ๆ มันหมายความว่าอย่างไร ?

*เหมือนกับในรายของ GL ทำท่าเหมือนจะปั่นยาว ๆ เพื่อล่อแมงเม่าบินเข้ากองไฟเยอะ ๆ พอเอาเข้าจริงกลับทรุดตัวลงมาปิดที่ 7.10 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท ย่อมเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการคิดหนักอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะไม่น่าจะมีประเด็นใหม่ ๆ มาปั่นกระแสได้อีกแล้ว เดี๊ยนถึงสงสัยการจุดพลุรอบใหม่ของหุ้นตัวนี้ คงไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องอยากรู้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับมาดูหุ้น DCC หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ 2.26 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 8.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 84 ล้านบาท มันเป็นช็อตของการเล่นรอบใหม่ที่น่าจับตามอง ยิ่งครั้งก่อนเห็นหุ้นติดกรอบด้านบนบริเวณ 2.40 บาท ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าเล่นมากเป็นพิเศษ เดี๊ยนถึงขอแนะนำว่า หากวันนี้ฝ่ากระแสขึ้นไปไม่ไหว ก็ควรถอยออกมาก่อนพะยะค่ะ

*ส่วนที่ใส่กันหนักอย่าง AMANAH ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่นิยมของเล็กดีรสโต บวกกับนักเล่นชอบไล่แล้วทุบเบา ๆ จึงเป็นจังหวะที่มีลุ้นให้วิ่งขึ้นไปถึง 2.30 บาท หลังหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.18 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท ผสมกับบรรดาโบรกเกอร์มีคำแนะนำให้เทรดสั้น ๆ เพราะสัญญาณเทคนิคสวยเหลือเกิน จึงน่าจะโหนกระแสไปตามเลยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ DOD ทุกคนรู้ว่ามีข่าวดีรอรับเต็มประตูหน้าต่าง แถมวันนี้ก็เห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 โตระเบิดระเบ้ออย่างแน่นอน นักเล่นเลยกระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิงต่ออีกหนึ่งวัน จนสุดท้ายหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 16.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.32 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องต่อจิ๊กซอว์การทะยานขึ้นเที่ยวนี้ให้ได้ เพื่อจะได้มองราคาเป้าหมายออกไงล่ะคะ

*สำหรับรายที่ก้ำกึ่งไปต่อ กับไม่ไปต่อ “โมนิก้า” ต้องหันมามอง CPR จู่ ๆ กระชากขึ้นมาปิดที่ 6.15 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 11.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 245 ล้านบาท มันเป็นเกมเสี่ยงของพวกขาลุยอย่างแท้จริง เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหุ้นพุ่งทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง จู่ ๆ ไล่ราคากันอย่างบ้าเลือด ทั้งที่ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ย่อมเป็นจังหวะที่ทำให้เดี๊ยนถอยฉากมากกว่าเข้าไปมีส่วนร่วมนะคะ