thaihoon สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 | วันที่: 31/08/2018 @ 08:39:19 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ทิศทางเงินเฟ้อโลก เป็นประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนักมากในช่วงนี้ เพราะมีผลต่อทิศทางดอกเบี้ย หลายประเทศเตรียมรายงานตัวเลขเงินเฟ้อกัน เช่น วันพรุ่งนี้ ยุโรปจะรายงานเงินเฟ้อเดือนส.ค. ตลาดคาดไว้ที่ 2.1% ยังห่างจากดอกเบี้ยนโยบาย 0% จึงคาดว่ายุโรปจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายอีกระยะหนึ่ง การขึ้นดอกเบี้ย น่าจะเริ่มเห็นราวไตรมาส 2/2562
ส่วนสหรัฐฯ น่าจะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค.ในกลางเดือนก.ย. ตลาคาดไว้ที่ 2.9% เทียบกับดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% ทำให้มีโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 27 ก.ย.2561 อีก 0.25% เป็น 2.25% และขึ้เนอีก 0.25% เป็น 2.5% ในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือของปีนี้
ขณะที่ไทยจะรายงานเงินเฟ้อเดือน ส.ค.วันที่ 3 ก.ย. 2561 ฝ่ายวิจัย ASP คาดอยู่ที่ 1.59% จาก consensus
คาด 1.62% เพิ่มจาก 1.46% ในเดือนก.ค. และน่าจะแตะ 2% ปลายปีนี้ หากประเมินจากท่าทีของผู้ว่าธปท. แม้ยังไม่ได้ชี้ชัดว่า จะเริ่มใช้นโยบายการเงินตึงตัวเมื่อใด โดยให้ขึน้อยู่กับกนง.
แต่เริ่มเห็นความเริ่มกังวลต่อการปล่อยให้ดอกเบี้ยต่ำนานเกิน รวมถึงช่องว่างดอกเบี้ยไทยกับต่างประเทศที่ห่างเกินไป อาจทำให้การบริหารจัดการนโยบายการเงินในอนาคตยากขึ้น ฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่า กนง.ประชุมวันที่ 19 ก.ย.2561 จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% อีกระยะหนึ่ง
แต่ก็เปิดช่องให้แบงก์พาณิชย์ปรับดอกเบี้ยตามความเหมาะสม ทำให้แบงก์บางแห่งเริ่มขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อบางประเภทที่ดอกเบี้ยต่ำเกินไป โดยตั้งแต่เดือนก.ค. - ส.ค.2561 เป็นต้นมา พบว่า SCB นำร่องขึ้นดอกเบีย้สินเชื่อบ้าน 0.05%, ปรับขึน้ดอกเบีย้สินเชื่อรถยนต์ใหม่ 0.5-1% มีผลแล้วเมื่อ 15 ส.ค., TCAP ขึ้นดอกเบี้ยเช่าซือ้รถยนต์ 0.2% มีผลตัง้แต่เดือนก.ค, BAY ขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 0.25% มีผลต้นเดือนก.ค.เช่นกัน
ล่าสุด เริ่มเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก คือ ซีไอเอ็มบีไทย ให้ดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาว เงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน สูงสุดที่ 2.55%, LHBANK ออกแคมเปญเงินฝากประจำพิเศษ 12 เดือน ดอกเบีย้ 1.75% และ 24 เดือน 1.85% ขณะที่แบงก์อื่นๆ ก็มีอัตรา
ดอกเบี้นที่จูงใจผู้ฝากเงินไม่แพ้กัน
ประเด็นดังกล่าว สะท้อนถึงการแข่งกันระดมเงินฝาก เพื่อเตรียมไว้ปล่อยสินเชื่อในอนาคต ซึ่งความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มขึน้ตามภาวะเศรษฐกิจ และยังเป็นการล็อคต้นทุนเงินให้อยู่ในระดับไม่สูงมากนัก ท่ามกลางแนวโน้มดอกเบีย้ขาขึ้นในระยะต่อไป ถือเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มแบงก์
แบงก์พาณิชย์จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นดอกเบี้ย มากน้อยแตกต่างกันไป โดยเฉพาะแบงก์ที่มีสถานภาพนเป็นผู้ให้กู้ยืมสุทธิ (Net Lending) จะได้ประโยชน์มากกว่าผู้ยืมสุทธิ (Net Borrowing)
จากการประเมินของฝ่ายวิจัยฯ พบว่าทุก 25 bp ของดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น จะทำให้กำไรสุทธิปี 2562 ของกลุ่มแบงก์เพิ่มขึ้น 5.6% โดย KTB กำไรจะเพิ่มขึ้นมากสุด รงอลงมาคือ BBL และตามด้วย TMB เป็นต้น (รายละเอียดดังตารางด้านล่าง) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับขึ้น จนมี Upside จำกัด จึงแนะนำสะสมเมื่ออ่อนตัว โดยยังชอบ BBL และ TCAP
|