กันยายน 27, 2018PHATTEERA SRIPEERAPONGทันหุ้น

FocusANAN, CENTEL, DELTA, ERW, HANA, KCE, LPN, MACO, MINT, ORI, PLANB, PSH, SC, SEAFCO, SET, STANLY, SVI, VGI
104
สำนักข่าว “ทันหุ้น” รายงานว่า ใกล้จบรอบผลประกอบการไตรมาส 3/2561 โบรกเสิร์ฟโผหุ้นผลงานแจ่มแจ๋วรับไฮซีซันข่าวดี สวนทางกลุ่มหุ้นเงียบเหงาจากช่วงโลว์ซีซั่น

บทวิเคราะห์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า เข้าสู่ช่วงของการทำ Earning Preview เริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่ราว 5.18 หมื่นล้านบาท หดตัว 3% เทียบไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้น 9.2% เทียบปีก่อน จากรายใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง แต่ NIM เริ่มดีขึ้นจากสินเชื่อรายย่อยที่ขยับขึ้น ขณะที่ต้นทุนการสำรองฯลดลง เพราะ NPLs ทรงตัว 3.2% แต่เริ่มมีความกังวลในสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น


* * 8 กลุ่มโค้ง3สวย

ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์จัดกลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/61 จะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังนี้คือ

1.กลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/61 จะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า คือ 1.1กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย มาจากการรับรู้จากยอดโอนฯที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของแนวราบและคอนโดฯตามยอด Backlog ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV เพิ่มขึ้นเช่นกัน ก่อนที่ผลการดำเนินงานจะทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/61 โดยผู้ประกอบการฯที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตจากปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้าตลอดช่วงไตรมาส 3-4/61 เช่น LPN, ANAN, PSH, SC และ ORI

1.2 กลุ่มปิโตรเลียม แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/61 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กจากงวดไตรมาส 2/61 โดย PTTEP ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ และราคาขายก๊าซที่ปรับขึ้นตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลบวกต่อไปยัง PTT

1.3 กลุ่มพลังงานทดแทน คาดกำไรปกติงวดไตรมาส 3/61 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากงวดไตรมาส 2/61 ที่โดดเด่น ได้แก่ TPIPP ซึ่ง Utilization rate เฉลี่ยทุกโรงไฟฟ้าสูงขึ้นมา และการกลับมาเดินเครื่องปกติของโรงไฟฟ้า TG5 รวมทั้งโรงไฟฟ้า TG7 (70 เมกะวัตต์) ที่ COD ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ส.ค.

1.4 กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP แรงหนุนหลักจาก BGRIM จากการรับรู้รายได้โครงการ ABPR 4 เต็มไตรมาส และจากโครงการโซลาร์ BGYSP ที่ถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% อีกทั้งยังหนุนจากต้นทุนการเงินที่ลดลงหลัง refinance หุ้นกู้โครงการ BIP1-2 นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการ CKP กำไรปกติเพิ่มขึ้นตามช่วงฤดูกาล

1.5 กลุ่มประกันฯ กำไรเติบโตหลักๆ มาจากกลุ่ม Non-life นำด้วย THRE ซึ่งเกิดจากการบันทึกกลับเงินลงทุนใน THREL เป็นกำไรตามสภาวะตลาดฯที่ฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องความเสี่ยง ซึ่งอาจมีการบันทึก loss ratio ที่สูงขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด

1.6 กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/61 ของกลุ่มฯ (DELTA, HANA, KCE และ SVI) เพิ่มขึ้น 7.3% จากไตรมาสก่อน หนุนจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับช่วงเทศกาลวันหยุดยาวในช่วงปลายปี รวมถึงผลบวกจากทิศทางค่าเงิน
บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯที่น่าจะอ่อนค่าลง

1.7 กลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นช่วง High Season รวมทั้ง รพ. หลายๆ แห่งมีการยกฐานรายได้-กำไรสูงขึ้นจากผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ (ผู้ป่วยประกันสุขภาพ ผู้ป่วยที่รักษาโรคซับซ้อน และโรคเรื้อรัง) ที่มีความมั่นคงมากกว่าการพึ่งพิงการเติบโตจากโรคระบาด คาด รพ. ที่มีกำไรเติบโตโดดเด่น คือ BDMS, CHG และ RJH

1.8 กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะงานฐานรากที่เข้าสู่ช่วง peak ของการรับรู้รายได้ นำโดย SEAFCO ขณะที่ CK ได้อานิสงส์จากบริษัทร่วมอย่าง CKP ที่ผลประกอบการเข้าสู่ช่วง high season และได้เงินปันผลจาก TTW เข้ามาหนุน


* * ยานยนต์-สื่อ-ท่องเที่ยวแจ่ม

2. กลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/61 จะเติบโตเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ 2.1 กลุ่มยานยนต์ คาดกำไรปกติไตรมาส 3/61 เติบโตสูงกว่าการเติบโตของยอดขาย บนความคาดหมายว่ายอดผลิตรถยนต์ไตรมาส 3/61 จะสูงขึ้นจากไตรมาส 3/60 และไตรมาส 2/61 ทำให้ประเมินยอดขายของบริษัทในกลุ่มฯเติบโตไปในทิศทางเดียวกับยอดผลิต ประกอบกับการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง(Economies of Scale) เพราะสัดส่วนต้นทุนเป็น Fixed Cost ประมาณ 60% คาดผลักดัน Gross Margin สูงกว่า 13.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังชอบ STANLY สถานะการเงินเป็น Net cash จึงปลอดภัยจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น

2.2 กลุ่มสื่อ-บันเทิง หลักๆ มาจากธุรกิจสื่อนอกบ้าน หลังผ่านพื้นช่วง Low Season ไปแล้ว และเม็ดเงินโฆษณาในเดือนตุลาคมที่จะกลับมา เติบโตจากฐานต่ำในปีก่อน นำโดย VGI, MACO, PLANB ขณะที่ RS ได้แรงหนุนจากธุรกิจพาณิชย์กลับมาฟื้นตัวได้

2.3 กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม คาดกำไรปกติไตรมาส 3/61 เติบโตจากปีก่อน แม้เหตุเรือทัวร์จีนล่มจะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทย แต่คาดไม่ ส่งผลลบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการกลุ่มธุรกิจโรงแรมทั้ง MINT, CENTEL และ ERW เหตุเพราะการมีโครงสร้างรายได้ที่กระจายตัวของ MINT และ CENTEL รวมถึงความหลากหลายของฐานธุรกิจโรงแรมของ ERW เป็นปัจจัยที่มาช่วยหนุน


* * โรงไฟฟ้า-ถ่านหิน-โรงกลั่นวูบ

กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/61 จะลดลงจากไตรมาสก่อน คือ 3.1 กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP เป็นผลของฤดูกาลที่เข้าสู่ช่วงฝน ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะปรับตัวลดลง รวมทั้งการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าของ EGCO และ RATCH ส่วน GLOW ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่า Ft ถูกตรึงไว้เท่าเดิม

3.2 กลุ่มถ่านหิน หลักๆมาจาก BANPU คาดกำไรปกติไตรมาส 3/61 มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/61 ถึงแม้กำไรจากธุรกิจถ่านหินจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายถ่านหินของเหมืองในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาขายเฉลี่ยยังทรงตัวได้ในระดับสูง แต่จะถูกหักล้างจากแผน shutdown โรงไฟฟ้า 2 แห่งในไตรมาส 3/61

3.3 กลุ่มปิโตรเคมี-โรงกลั่น คาดผลการดำเนินงานปกติของกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีในงวดไตรมาส 3/61 จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากงวดไตรมาส 2/61 โดยในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นนั้น สาเหตุมาจากค่าการกลั่นที่จะอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็น low season รวมทั้งแผนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นของ IRPC และโรงงานปิโตรเคมีของ PTTGC รวมเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน

ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีนั้นคาดว่า spread ผลิตภัณฑ์สายโอเลฟินส์ลดลงเนื่องจากเป็นช่วง low season ขณะที่ผลิตภัณฑ์สายอะโรเมติกส์คาดยังเพิ่มขึ้นได้เนื่องจาก supply ใหม่ยังไม่เข้ามาไม่ทันในช่วงดังกล่าว แต่หากพิจารณาแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มฯงวดไตรมาส 3/61 นั้น คาดจะปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2/61 เพราะคาดจะบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันลดลงมีนัยฯ เมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า

รายงาน : พัทธ์ธีรา ศรีพีรพงศ์