ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 พ.ย.61 ปิดที่ 1,652.30 จุด ลดลง 7.48 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 44,897.05 ล้านบาท ต่างชาติขาย 1,755.78 ล้านบาท หุ้นที่มูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 131.50 บาท ลบ 5.50 บาท, PTT ปิด 49 บาท ลบ 1 บาท, CPALL ปิด 69.75 บาท บวก 0.25 บาท, PTTGC ปิด 76.25 บาท ลบ 2.75 บาท และ SCC ปิด 440 บาท บวก 4 บาท

ตลาดหุ้นปรับตัวลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิ่งลงแรง ขณะที่ มติ กนง.เสียงแตกเพิ่ม โดยมีมติ 4 ต่อ 3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50%

บล.โนมูระ พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์หุ้นน้ำมันระบุว่า ราคาน้ำมันดิบ BRENT ลงมาแถว 65-64เหรียญ หลังราคาน้ำมันขึ้น
ต่อเนื่องทั้งปี จนถึงจุดสูงสุด 85-86เหรียญ ใน ต.ค.2018 ก่อนถูก หลากหลายปัจจัยกดดันช่วงเดือนเศษ ทั้งประเด็น คาซอกกี นักข่าวที่เสียชีวิต ทำให้ตลาดขาดความเชื่อมั่นต่อการจำกัด Supply ของซาอุฯ แรงกดดันของ Dollar และภาพความต้องการใช้น้ำมันโลกปี 2019 ที่ OPEC หั่นลง 4 เดือนติด (แต่ราคาน้ำมันเพิ่งลง 1 เดือน)

โดยล่าสุดตลาดใช้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบระยะยาวปี 2019-2020 ราว 70 เหรียญ ในขณะนี้ ได้ข้อสรุปว่า

1. ราคาน้ำมันดิบดูไบ 75.7เหรียญต่อบาร์เรล สะท้อนกำไรไตรมาส 4 ยังไม่ได้รับผลกระทบต่อสมมติฐานราคาน้ำมัน 2. แต่ถ้าราคาน้ำมันอยู่ Zone นี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า ตลาดจะมี Downside ในแง่ประมาณการในปี 2019-2020

สำหรับมุมมองในช่วงถัดไป 1. ทุกๆ เดือน OPEC จะปรับสมมติฐาน Demand-Supply ซึ่งแนวโน้มในช่วงถัดไปจะรีวิวกลางเดือน ธ.ค. คาดว่าสมมติฐานจะขึ้นอยู่กับการเจรจาทางการค้าสหรัฐฯกับจีนจะมีผลต่อมุมมองการประเมินอย่างมาก

2. ในวันที่ 6 ธ.ค.2018 การประชุม OPEC ซาอุฯอาจจำเป็นต้องขัดใจสหรัฐฯ และหารือกับกลุ่ม เพื่อพยายามปรับสมดุลของ Demand-Supply ทำให้ภาพราคาน้ำมันกลับไป 70-80เหรียญ ในกรอบได้ ถ้าตั้งใจจำกัดจริง

3. ระยะสั้นเรามอง 1-2 วันนี้ ราคาน้ำมัน BRENT อาจ Bottom Out ในกรอบ 65-62 เหรียญ ก่อนฟื้นตัวลุ้นการจำกัด Supply ในปี 2019

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นน้ำมัน PTT มีความปลอดภัยต่อการลงทุนกว่า PTTEP ที่เหวี่ยงตามราคาน้ำมัน แต่ ณ จุดปัจจุบัน PTTEP มี Upside ที่เปิดกว้างขึ้น สำหรับ Swing Trade กรณีราคาน้ำมัน BRENT หลุด 58เหรียญ น่าจะ Confirm ภาพกำไรตลาดที่มี Downside ในปี 2019 อย่างแท้จริง แต่ปัจจุบันยังไม่มีนัยฯ ในเชิงพื้นฐาน!!

อินเด็กซ์ 51