ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 20 พ.ย.61 ปิดที่ 1,612.03 จุด ลดลง 24.45จุด มีมูลค่าซื้อขาย 36,386.61 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,181.62 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 192 บาท ลบ 4.50 บาท, SCB ปิด 133 บาท ลบ 3.50 บาท, PTT ปิด 48.50 บาท ลบ 0.25 บาท,CPALL ปิด 68.75 บาท ลบ 0.75 บาท และ ADVANC ปิด 177.50 บาทลบ3บาท

ตลาดดิ่งลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยต่างชาติและสถาบันในประเทศผนึกกำลังเทขายหุ้นไทยอย่างหนัก ในหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงานและแบงก์และหุ้นพิมพ์นิยมของต่างชาติ

บล.โกลเบล็ก มองภาพรวมหุ้นไทยโค้งสุดท้ายปลายปีได้ปัจจัยหนุนจากในประเทศ ทั้งการเร่งเสนอขอมติประชุม ครม. เปิดประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วนให้ทันปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุน ยังคงเป็นปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังยืดเยื้อ

ด้าน บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ วิ่งตามกรอบแนวรับที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,675 จุด แนะเลือกหุ้นเข้าพอร์ต ชูหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน SSP, BPP, BGRIM, หุ้นกลุ่ม Net Cash Company เช่น NYT, SKN และหุ้นบริษัทที่มี Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง อาทิ KTC, MTC, SAWAD

ขณะที่มีปัจจัยกดดันจากแรงขายต่างชาติและความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท.ที่จะกระทบต่อต้นทุนในการทำธุรกิจที่สูงขึ้น แต่มองว่า Downside Risk ค่อนข้างจำกัด และคาดว่าจะมีแรงซื้อจากกองทุน LTF, RMF จากงาน SET in the City

ปิดท้ายมีข่าว “เฉลียว วิทูรปกรณ์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เผยรายได้งวด 6 เดือนของปี 61/62 (เม.ย.-ก.ย.61) บริษัทมีรายได้จากการขาย 5,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% มีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท ลดลง 2% จากงวดปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 61/62 (ก.ค.-ก.ย.61) มีรายได้ 2,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% มีกำไรสุทธิ 262 ล้านบาท ลดลง 10% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28% ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ขณะที่มองครึ่งปีหลังโตต่อเนื่องพร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท วันที่ 7 ธ.ค.นี้!!

อินเด็กซ์ 51