ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ธ.ค.61 ปิดที่ 1,633.62 จุด ลดลง 16.37 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 42,897.10 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,435.37 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 70.25 บาท ลบ 1.25 บาท, PTTEP ปิด 132 บาท ลบ 3 บาท, PTT ปิด 49.25 บาท ลบ 0.25 บาท, AOT ปิด 63.50 บาท ลบ 1.75 บาท, KBANK ปิด 191 บาท ลบ1.50บาท

“วิน อุดมรัชตวนิชย์” ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว รวมถึงความไม่แน่นอนเรื่องการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ หลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษเลื่อนการพิจารณาข้อตกลงกับอียูออกไป

ขณะที่ผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนอาจไม่สำเร็จได้โดยง่าย หลังจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากันซึ่งผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ รวมทั้งมีการจับกุมผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ยของจีน ซึ่งเป็นประเด็นที่มีผลต่อการเจรจาการค้ากัน ทำให้นักลงทุนทยอยลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจะทำให้หุ้นที่อิงราคาน้ำมันผันผวนตามไปด้วย

ปัจจัยในประเทศ การเลือกตั้งที่มีความชัดเจนว่าจะเกิดขึ้น 24 ก.พ.62 นั้น ตลาดรับรู้เรื่องนี้มาระดับหนึ่งแล้ว แต่มีประเด็นที่ตลาดจับตา คือพรรคใดจะชนะเลือกตั้งและใครจะได้เป็นนายกฯคนต่อไป ซึ่งต้องรอให้มีการประกาศชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกฯของแต่ละพรรคก่อนถึงจะคาดการณ์ได้ว่าตัวเต็งจะมีใครบ้าง

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเลือกตั้ง เป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นไทยไม่ร่วงลงไปมาก แม้เงินที่รัฐอัดฉีดเข้าสู่ระบบจะมีผลทางตรงไม่มากต่อหุ้นในตลาด เพราะผู้ที่ได้ประโยชน์ตอนนี้คือกลุ่มค้าปลีกอุปโภคบริโภคเป็นหลัก แต่เนื่องจากมีผลบวกต่อการบริโภคและการลงทุน ทำให้บริษัทต่างๆจะได้ประโยชน์ทางอ้อมด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ มองว่าหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นแต่ไม่แรง เพราะปัจจัยที่กลับมาทำให้เกิดความกังวลคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งอาจกินเวลาหลายวันกว่าที่ตลาดจะนิ่ง ดังนั้น นักลงทุนควรรอดูทิศทางตลาด ให้แนวรับ 1,620-1,630 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,670จุด

แนะนำให้เน้นตั้งรับหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุน และหุ้นกลุ่ม Domestic play น่าจะได้รับความสนใจ เลือก BJC, CPALL, SEAFCO,GULF, TISCO, HANA, SQ!!

อินเด็กซ์ 51