April 23, 2024   7:29:14 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > มองอย่างเซียน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 14/12/2018 @ 08:48:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน SETกลับมาปรับตัวลง ด้วยปัจจัยกดดันจากภายนอก หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงแรง กังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลงมาใกล้อัตราผลตอบแทนระยะสั้น สร้างความกังวลต่อตลาดในรูปแบบ inverted yield curve ซึ่งมักจะตามมาด้วยการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ (ล่าสุดส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี และ 2 ปี เหลือเพียง 13 bps) สร้าง Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นอื่นๆ รวมถึง SET ให้ปรับตัวลงมาจากจุดสูงที่ทำไว้บริเวณ 1678 จุด มีคำถามตามมาทันทีว่า การปรับลงในครั้งนี้ จะลงไปถึงระดับไหน หรือหลุดต่ำกว่า 1600 จุด หรือไม่? ซึ่งมุมมองของผม คาดว่าบริเวณ 1600 จุด ยังเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งสามารถใช้เป็นจุดรองรับได้ เพื่อฟื้นตัวกลับอีกครั้ง โดยผมมีเหตุผลสนับสนุนมุมมองดังกล่าวคือ

1) ระดับ 1600 จุด นอกจากเป็นแนวรับทางจิตวิทยาแล้ว ยังเป็นแนวรับสำคัญทางปัจจัยพื้นฐานที่บริเวณระดับ PE -1 S.D. ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีมาโดยตลอดในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 54, fund flow ไหลออกในช่วงปี 56 จากการส่งสัญญาณยกเลิก QE ของเฟด, วิกฤตราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงในปี 58 ตลอดจนล่าสุดยังเป็นแนวรับที่รองรับการปรับตัวลงของดัชนีได้ ในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

2) ปัจจัยในประเทศมีความโดดเด่น จากบรรยากาศการเลือกตั้ง ซึ่งกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และเม็ดเงินสะพัดเข้ามาในระบบ โดยล่าสุดกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้แล้ว ทำให้การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายใน 150 วัน หรือภายในเดือนพ.ค.ปีหน้า ทั้งนี้กกต.กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. อย่างไรก็ตามแม้มีการเลื่อนการเลือกตั้ง กํยังมองเป็นปัจจัยกดดันตลาดเพียงระยะสั้น เนื่องจากการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายในขอบเขตของกฎหมายอยู่ดี ส่วนการศึกษาของฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นแรง 1 เดือนก่อนเลือกตั้งต่อเนื่องไปจนถึง 1 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง โดย SET index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6% โดยกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค เช่น ธนาคาร, พาณิชย์, สื่อ และอสังหาริมทรัพย์ ให้ผลตอบแทนดีกว่า SET ในช่วงก่อนหรือหลังเลือกตั้ง ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค อย่างยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, การแพทย์ และปิโตรเคมี มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนต่ำกว่า

3) ยังมองถึงโอกาสที่ fund flow ต่างชาติจะไหลเข้า หลังเฟดส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยนโยบายใกล้ถึงระดับปานกลางแล้ว (ติดตามสัญญาณดังกล่าวอีกครั้งในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค.)ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายบ้านเรามีโอกาสปรับขึ้น หลังประชุมกนง.ล่าสุดเมื่อเดือนพ.ย.ก่อน มีเสียงโหวตให้ขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น ทำให้ตลาดมองว่ามีโอกาสสูงที่กนง.จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนนี้ (ประชุม 19 ธ.ค.)

4)ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ยังไม่ทำจุดต่ำใหม่ ดังนั้น SET ก็ยังไม่น่าทำจุดต่ำใหม่ หรือหลุดระดับ 1600 จุดลงมา และ

5) ตลาดหุ้นสหรัฐลงมาใกล้แนวรับสำคัญ โดยดัชนีดาวน์โจนส์มีแนวรับที่ระดับ 23400-23800 จุด และดัชนี S&P500 มีแนวรับที่ระดับ 2540 จุด ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดรองรับได้ เพื่อฟื้นตัวกลับ

ทำให้ทั้ง 5 เหตุผลที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้น สนับสนุนมุมมองที่ว่าบริเวณ 1600 จุด ยังเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีผิดคาดดัชนีปรับตัวลงแรง และหลุดต่ำกว่า 1600 จุด จะมีแนวรับสำคัญถัดไปที่ระดับ 1550-1560 จุด ซึ่งก็ยังเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมเพื่อการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวอยู่ดี ส่วนจะเข้าซื้อหุ้นตัวไหนนั้น ผมขอแนะนำ Stock picks ประจำ Q1/62ของ SCBS ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งได้ประโยชน์จากวัฏจักรการลงทุนขาขึ้นในไทย แนะนำ ROJNA และWHA, กลุ่มธนาคาร ซึ่งนอกจากได้ประโยชน์จากวัฏจักรการลงทุนขาขึ้นแล้ว ยังได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำ BBL และ KTB, กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร ซึ่งมีความน่าสนใจด้านการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน แนะนำ CPF ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาหมูที่ปรับตัวขึ้นทั้งในและต่างประเทศ และ TU ตามราคาทูน่า ซึ่งเป็นวัตถุดิบปรับตัวลดลง พบกันใหม่ในฉบับหน้าครับ..ด้วยรักและหวังดี

ที่มา https://www.thunhoon.com/187752/31/29/

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com