April 23, 2024   7:06:03 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SAAM ได้ฤกษ์เข้าเทรด mai-CAZ เคาะไอพีโอ 3.90 บาท/หุ้น
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 07/01/2019 @ 08:42:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

" บมจ.เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM)" ประเดิมเป็นหุ้น IPO ตัวแรกของปี เข้าเทรดกระดาน mai ราคาจอง 1.80 บ. มั่นใจกระแสตอบรับดี เตรียมระดมทุนลุยโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น-ชำระหนี้ พร้อมแจงงบล่าสุดไม่น่าประทับใจ เหตุค่าใช้จ่ายพุ่ง-เตรียมตัวเข้าตลาดหุ้น ด้าน"บมจ. ซี เอ แซด (ประเทศไทย) หรือ CAZ" เคาะ IPO ที่ 3.90 บาท ต่อคิวเทรดปลายเดือนนี้

*** SAAM ประเดิม IPO ตัวแรกของปี
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มทรัพยากร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SAAM” ในวันที่ 7 มกราคม 2562

??จำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. (หุ้นสามัญ) 300,000,000 หุ้น จำนวนหุ้นชำระแล้ว (หุ้นสามัญ) 300,000,000 หุ้น ราคา Par 0.50 บาทต่อหุ้น ทุนชำระแล้ว 150,000,000.00 บาท จำนวนหุ้น IPO 80,000,000 หุ้น ราคา IPO 1.80 บาท วันที่เสนอขาย IPO วันที่ 24 ธ.ค. 2561 ถึงวันที่ 27 ธ.ค. 2561

SAAM มีทุนชำระแล้ว 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 220 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 77.8 ล้านหุ้น ต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวน 2 ล้านหุ้น พนักงานและผู้บริหาร (ที่มิใช่กรรมการ) จำนวน 0.2 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 24-27 ธันวาคม 2561 ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 144 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 540 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้นำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

*** ครอบครัว "คงคามี" ถือหุ้นสูงสุด 73.34%
SAAM มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ นายพดด้วง คงคามี และคู่สมรส ถือหุ้น 66.67% นายโสฬส คงคามี ถือหุ้น 6.67% และบริษัทหลักทรัยพ์ ทรีนีตี้ จำกัด ถือหุ้น 2.28% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 1.80 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 33.46 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2561) ซึ่งเท่ากับ 16.13 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0538 บาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หรือบริษัทย่อย และหลังหักสำรองทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด

*** มั่นใจกระแสดี - นำเงินลุยโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น
นายพดด้วง คงคามี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM ผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอิสระ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าหุ้น SAAM ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก ในวันที่ 7 มกราคม 2562 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เดินสายให้ข้อมูลแก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนมีความเข้าใจในโมเดลธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีจุดเด่นจากพื้นฐานธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและแน่นอนจากการทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้า และมองเห็นโอกาสการเติบโตจากการรุกธุรกิจในต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังใช้เป็นเงินทุนเพื่อเข้าร่วมลงทุนในบริษัทอื่น ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ

*** งบ Q3/61- 9 เดือน ยังไม่น่าประทับใจ
บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย ไตรมาสที่ 3 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1.66 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.65 ล้านบาท งวด 9 เดือน ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 13.64 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.70 ล้านบาท

สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 และ 30 กันยายน 2561 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 16.69 ล้านบาท และ 13.60 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ ร้อยละ 29.94 และ ร้อยละ 25.17 ตามลำดับ กำไรสุทธิลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.09 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18.51 และมีอัตรากำไรสุทธิที่ปรับลดลง จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการในต่างประเทศ และการตัดจำหน่ายเงินมัดจำการซื้อเงินลงทุนและค่าตัดจำหน่ายงานโครงการระหว่างทำรวมจากการยกเลิกการดำเนินการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 3 โครงการ

ขณะที่นายพดด้วงชี้แจงว่า สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 61 ที่มีกำไรสุทธิลดลงเป็นผลมาจากกำไรสุทธิในไตรมาส3/61 ปรับตัวลดลง เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น บริษัทเชื่อว่าหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วจะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

"แนวโน้มผลประกอบการในอนาคต เราเชื่อว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโครงสร้างรายได้จะมาจากธุรกิจจัดหาสถานที่และให้บริการที่เกี่ยวข้องภายในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ในสัดส่วน 75% ส่วนที่เหลืออีก 25% จะมาธุรกิจลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งวางนโยบายจะผลักดันอัตรากำไรสุทธิให้กลับมาอยู่ที่ 30-40% หรือให้ใกล้เคียงกับปี 59 ที่ทำได้ 41% " นายพดด้วง กล่าว

*** รู้จัก SAAM
กลุ่มบริษัท SAAM ดำเนินธุรกิจ 1) เป็นผู้ลงทุนจัดหาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการใช้ที่ดิน เพื่อให้กลุ่มบริษัท บางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด (BSP) ใช้เป็นที่ตั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังผลิตรวม 41.1 เมกะวัตต์ รวมถึงให้บริการดูแลความปลอดภัยและรักษาความสะอาดทรัพย์สินและอุปกรณ์บริเวณโครงการ โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนภายใต้สัญญาระยะยาว 20 หรือ 25 ปี (แล้วแต่กรณี) (2) เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 2.0 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เป็นระบบการรับซื้อแบบ FiT ในอัตรา 5.66 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ระยะเวลาตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี และ (3) พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่อยู่ระหว่างพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นเพื่อจำหน่ายจำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตโครงการละ 19.9 เมกะวัตต์ โดยพัฒนาจนได้รับใบอนุมัติให้เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าแรงสูงและใบอนุมัติสนับสนุนค่าไฟฟ้าแบบ FiT ในอัตรารับซื้อ 24.0 เยนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาในประเทศญี่ปุ่นผ่านบริษัทย่อยอีกจำนวน 6 บริษัท

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 319.4 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 173.4 ล้านบาท มีอัตราหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 0.84 เท่า โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน บริษัทมีกำไรขั้นต้นร้อยละ 71.2-73.3 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 25.2-41.8

*** CAZ เคาะราคา 3.90 บ. จ่อเข้าเทรดปลายเดือนนี้
นางปิยะภา จึงเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซส 14 แอดไวเซอรี่ จํากัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ และนางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ กรรมการบริษัท บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CAZ เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น กำหนดราคาาหุ้นละ 3.90 บาท ระดับ P/E อยู่ที่ 19 เท่าเปิดให้จองซื้อทั้งหมด 2 ช่วง ช่วงแรกจะให้สิทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI จองซื้อในวันที่ 8-10 มกราคม 62 และอีกช่วงให้ประชาชนทั่วไป จองซื้อวันที่ 11-15 มกราคม 62 คาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงปลายเดือนมกราคม 62

และนางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ กรรมการบริษัท บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CAZ เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถการรับงานในอนาคต โดยใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแก่ธนาคาร และลงทุน เพื่อซื้ออุปกรณ์ในการประกอบธุรกิจและการพัฒนาด้านไอที และการระดมทุนครั้งนี้ยังช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดลง ทำให้สามารถเพิ่มช่องทางในการจัดหาเงินทุนมากขึ้นในอนาคต และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

"การกำหนดราคาที่ราคาเสนอขายหุ้น IPO แม้ว่าจะไม่ใช่ราคาที่สูงที่สุด แต่เรามั่นใจว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ราว 312 ล้านบาท จะเพียงพอต่อการขยายธุรกิจและสามารถรองรับงานในอนาคตได้อย่างแน่นอน เนื่องจากต้องคำนึงถึงภาวะตลาดหุ้นไทยและกระแสหุ้น IPO ในปัจจุบัน ที่ได้รับปัจจัยกดดันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าจะได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากพื้นฐานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ราว 2.8 พันล้านบาท ณ สิ้น กันยายน 61 นอกจากนี้ลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัทในเครือเป็นหลัก ซึ่งในปี 62 จะมีการลงทุนรวมกันหลักแสนล้านบาท ทำให้เรามีงานรองรับในอนาคต"นางสาว นิตา กล่าว

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com