ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ม.ค.62 ปิดที่ 1,577.00 จุด ลดลง 5.57 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 37,956.54 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,593.47 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด IVL ปิด 47.50 บาท ลบ 0.50 บาท, AOT ปิด 66.50 บาท ลบ 1.75 บาท, CPALL ปิด 74.25 บาท ลบ 0.25 บาท, PTT ปิด 47.75 บาท ลบ 0.25 บาท และ GULF ปิด 81.75 บาท ลบ 3.25 บาท

บล.เออีซี แนะกลยุทธ์การลงทุนช่วงตลาดผันผวน โดยให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มที่น่าลงทุน ได้แก่ กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค เนื่องจากได้อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขาย ในพื้นที่เขต EEC อาทิ AMATA เพราะปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่

หุ้นที่น่าจับตาอีกตัวคือ WHA โดยปี 62 WHA ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ และคาดมีลูกค้ามาเช่าพื้นที่เพิ่มจากคลังสินค้าอีกกว่า 1 แสน ตร.ม. และ หุ้น EASTW ที่ประเมินว่าปี 62 จะเห็นการฟื้นตัวของกำไร สอดรับกับการขยายตัวของนิคมฯในเขต EEC ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำดิบ ในนิคมฯเพิ่มขึ้น และในระยะยาว EASTW ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้น ล่าสุดเซ็นสัญญาให้บริการ GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)

บล.เออีซี ยังแนะลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า เน้นหุ้นที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ และยังมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปี ได้แก่ BGRIM มองปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682 MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2,773 MW ในสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวปี 65 ที่ 3,130 MW

ขณะที่หุ้น BPP ประเมินว่า ปี 62 BPP มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312 MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.48 GW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW ส่วน GUNKUL ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105 MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าระยะยาวปี 65 ที่ 543 MW

ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะการปิดหน่วยงานสหรัฐฯ และกรณีอังกฤษเตรียมเปิดลงมติร่างข้อตกลง BREXIT ที่ผ่านการประชุมร่วมกับ EU ซึ่งมีสัญญาณไม่ดีนัก ทำให้คาดว่าร่างกฎหมายนี้จะได้รับคะแนนเสียงไม่เพียงพอ ส่งผลให้อังกฤษมีแนวโน้มต้องออกจากกลุ่ม EU โดยไร้ข้อตกลง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจ EU และอังกฤษ!!