*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาพูดถึงท่าทีของฝรั่งตาน้ำข้าวที่กลับลำหันมาซื้อหุ้นไทย 6 วันติด พร้อมกับทำให้สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะแย่ ๆ เริ่มดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มันเป็นประเด็นหลักที่เดี๊ยนอยากให้แมงเม่ามองเรื่องนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพื่อทำให้การเล่นในเที่ยวนี้คล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม เพราะวงจรขาขึ้นเที่ยวนี้ไม่น่าจะยาวนานสักเท่าไหร่หรอกนะจ๊ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงอยากให้มองการขึ้นมาปิดที่ 1,580.30 จุด บวกไป 2.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.18 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการรีบาวด์ธรรมดา ๆ หลังจากทรุดตัวต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ประจวบกับเกจิอาจารย์ดังเริ่มมองเห็นท่าทีของฝรั่งเปลี่ยนเป็นคนซื้อหลัก จึงทำให้การเล่นเที่ยวนี้แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง และทำให้นักเล่นเริ่มมีความหวังจะได้เห็นดัชนีขึ้นไปยืน 1,600 จุดไงล่ะคะ

*ที่สำคัญคืออาการแพนิกเริ่มจางหายมากขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” เลยรับรู้ถึงอารมณ์ของนักเล่นเริ่มมองในมุมบวกมากขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบด้านต้องไม่มีอะไรเลวร้ายลงไปกว่าเดิม สถานการณ์ทุกอย่างถึงจะเดินหน้าไปอย่างสวย ๆ และจะทำให้หุ้นบลูชิพกลับมาเป็นดาวเด่นของการเล่นเที่ยวนี้อีกครั้ง เดี๊ยนถึงรู้สึกดีต่อใจมาก ๆ เมื่อเห็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมามีให้เห็นประปรายนะซี

*เหมือนกับการทะยานขึ้นของหุ้นปูนใหญ่ SCC ขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวันที่ระดับ 438 บาท บวกไป 12 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.22 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการกลับทิศระยะสั้นที่นักลงทุนต้องดูให้ดี เพราะก่อนหน้านี้เคยทะยานขึ้นแรงแบบนี้ พอถัดมาอีกวันกลับอ่อนปวกเปียกเป็นมะเขือเผา วันนี้จึงเป็นวันชี้ขาดที่ห้ามกะพริบตานะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของ BANPU วิ่งขึ้นมาปิดที่ 16.60 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 686 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องครุ่นคิดให้มากเป็นพิเศษเหมือนกัน เพราะสเต็ปการเคลื่อนตัวยังไม่มีอะไรโจ่งแจ้ง แถมการเด้งขึ้นเที่ยวนี้ยังออกไปในแนวรีบาวด์ซะส่วนใหญ่ จึงอยากให้จับตาดูการเคลื่อนไหววันนี้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ?

*หากต้องการดูหุ้นที่มีทิศทางชัดเจน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันมามองหุ้นไก่ CPF เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการเล่นยาว ๆ เดี๊ยนจึงขอฉายภาพการอ่อนตัวลงไปถึง 24 บาท ต่อจากนั้นขยับขึ้นอย่างช้า ๆ แบบต่อเนื่อง จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 26.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 582 ล้านบาท ย่อมเป็นจุดที่เดี๊ยนคาดหวังยอดเดิมบริเวณ 27.50 บาทไม่ไกลเกินเอื้อมหรอกคะ

*ส่วนรายที่หลุดกรอบแบบน่าตกใจอย่างเช่น CKP ถือเป็นช็อตที่ต้องหนีตายแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก แถมเป็นการโดนทิ้งหนัก ๆ 2 วันติดด้วยแล้ว ย่อมเป็นช็อตที่ควรอยู่เฉย ๆ สักระยะหนึ่ง บวกกับตอนนี้ยังมองไม่เห็นเหตุผลในการเข้าไปรับหุ้น “โมนิก้า” เลยมองไม่ออกเหมือนกันว่า การลงมาปิดที่ 4.44 บาท ลบไป 0.26 บาท หรือลงไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 972 ล้านบาท ใช่จุดต่ำสุดของเที่ยวนี้หรือเปล่านะจ๊ะ

*ขนาดหุ้นทีเด็ดอย่าง BJC ยังโดนสาดทิ้งแบบไม่ยั้งมือ จนสุดท้ายหุ้นลงมากองอยู่ที่ 46 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 803 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 4 เดือนครึ่ง เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้ทุกคนรู้ว่า โอกาสที่หุ้นจะกลับไปเริ่ดสะแมนแตนเหมือนเมื่อก่อนไม่ง่ายอีกต่อไป เพราะของมันเห็นกันชัด ๆ ว่า ตอนนี้กองทุนกับฝรั่งไม่เก็บหุ้นตัวนี้เข้าพอร์ตเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาปุ๊บ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น IVL ในทันทีเหมือนกัน เพราะเป็นหุ้นที่นักเล่นกลุ่มสถาบันคายออกมาตลอดเวลา สภาพของหุ้นถึงยับเยินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งวานนี้หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 47 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.39 พันล้านบาท ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปรับเผือกร้อนชิ้นนี้เลยพับผ่าสิ !

*ไหน ๆ เม้าท์ถึงเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามอง JKN ของคุณน้อง “แอน” เพื่อบอกเล่าถึงมรสุมลูกใหม่กำลังถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องโดนทุบหุ้นจากคนใกล้ตัว พ่วงด้วยเรื่องเม้าท์ลับ ๆ ตามซอกหลืบเกี่ยวกับการเบี้ยวหนี้บางอย่างเริ่มเกิดขึ้น เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 6.35 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31 ล้านบาท ไม่น่าจะเป็นการกลับทิศอย่างบูรณาการ จึงต้องระวังหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษนะจ๊ะ