*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้คงไม่มีอะไรต้องวอร์รี่มากนัก เพราะหุ้นบลูชิพกลับมาทำหน้าที่ดันตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม รวมทั้งนักเล่นกลุ่มสถาบันก็หวนกลับเข้ามาเก็บหุ้นเป็นระยะ ส่งผลให้ดัชนีขยับขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดเกมไปที่ระดับ 1,623.62 จุด บวกไป 3.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.52 หมื่นล้านบาท จนกูรูหลายรายฟันธงเหมือนกันว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากวันเลือกตั้งมีความชัดเจนไงล่ะคะ

*ผสมผสานกับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมาอยู่ในทิศทาง side way up เหมือนกันทุกตลาด หรือแม้กระทั่งประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มทุเลาลงเรื่อย ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่ทำให้นักเล่นอยากเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดหุ้นกันมากขึ้น “โมนิก้า” ถึงพยายามลุ้นให้ดัชนีวิ่งทะลุแนวต้านบริเวณ 1,630 จุดขึ้นไปแบบชิว ๆ เพื่อทำให้ดัชนีมีแรงหนุนขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,650 จุดนะจ๊ะ

*ถึงกระนั้นกลับมีประเด็นต้องให้คิดมากนิดหนึ่ง เมื่อดันมีข่าวออกมาเกี่ยวกับวีรกรรมโรบอทแพร่งพรายออกมาจากสามแยกปากปีจอ หลังมีการเอ่ยถึงชื่อโบรกเกอร์ดอกบัวกำลังได้รับผลกรรมจากการใช้หุ่นยนต์มากเกินไป พร้อมกับมีการยกตัวอย่างของหุ้นหลาย ๆ ตัวที่พ่อดอกบัวอมไว้ในพอร์ตจนท้องบวม มันเลยทำให้สมาคมแมงลือช่วยกันสืบค้นประเด็นดังกล่าว และขยายความกันขวักไขว่พะยะค่ะ

*ที่น่าสนใจตรงที่มีการนินทาประเด็นดังกล่าวกันอย่างสนุกสนาน เพราะท้ายที่สุดคนที่ทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วนก็แพ้ภัยตัวเอง “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเริ่มทำความเข้าใจกับอัลกอริทึมของหุ่นยนต์ที่ถูกวางโปรแกรมมาในเที่ยวนี้ มันถูกดีไซน์ไปในทางเน้นหนักขายโดยไม่สนใจไยดีอะไรทั้งสิ้น จึงต้องเข้าใจเหตุผลที่ทำให้หุ้นบางตัวไหลลงหนักแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรหนักหนาสาหัสนะจ๊ะ

*ส่วนที่อาการสาหัสของแท้ และถูกเป็นเป้าโจมตีจากผู้คนในแวดวงตลาดหุ้น น่าจะเป็นวีรกรรมของ บล.เคทีบี ภายใต้การกุมบังเหียนของ ดร.วิน ที่ชอบทำตัวล่อเป้าให้ทุกคนรุมกระทืบ (ทางวาจา) ทั้งที่ตัวเองก็มีชนักติดหลังค่อนข้างเยอะนั้น “โมนิก้า” มองเป็นอีกหนึ่งโบรกเกอร์ที่มีอาการไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ? เพราะมันทำให้แวลูที่ควรจะได้ไว้เป็นต้นทุนของการเปิดตัวหายไปหมดสิ้นเจ้าค่ะ

*ยิ่งมีการเปิดเผยรายงานการขายหุ้นน้องใหม่ป้ายแดง CAZ ออกมามากถึง 5.20 ล้านหุ้น คงเหลือหุ้นอยู่ในพอร์ตอีกจำนวน 10 ล้านหุ้น ยิ่งทำให้สังคมชาวหุ้นสงสัยถึงความเป็นมือโปรมีมากเพียงใด ? เพราะการสาดหุ้นออกมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาซื้อขาย โดยที่ตนเองเป็นแกนนำการจัดจำหน่ายแท้ ๆ มันหมายความว่า ไม่อยากเจ็บตัวหนักหลังจากขายหุ้นไม่หมดหรือเปล่า ?

*นอกจากนี้ยังมีการเม้าท์ถึงเฮียปู้น ๆ ซึ่งเป็นคนดูแลลูกค้ารายใหญ่ของโบรกเกอร์ ยังส่งซิกบอกไม่ต้องรับของไว้ในพอร์ตแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ลุกลามใหญ่โตเกินจะควบคุมอย่างแน่นอน เพราะสังคมแมงลือกำลังเม้าท์ถึงเรื่องนี้อย่างหนัก พร้อมกับมีการวิพากษ์วิจารณ์การตั้งราคาขายของสำนักนี้เว่อร์เกินไป ! จนทำให้คนที่อ่านเกมออกถอนสมอเรือกันเป็นแถวไงล่ะคะ

*เรื่องดังกล่าวไม่จบเพียงเท่านี้ ! เพราะมีการพูดพาดพิงถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวจริงเสียงจริงอย่าง “ทาคูนิ” ต้องการได้เงินมากสุด ๆ ถึงกล้าตั้งราคาขายสูงถึง 3.90 บาท ขณะที่กระแสของคนในตลาดส่วนใหญ่มองราคาขายหุ้นควรอยู่แค่ 2 บาทต้น ๆ ผลลัพธ์เลยกลับไปหาเจ้าของที่ทำดีลแบบเต็ม ๆ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่จบไม่สวยอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ราคาหุ้นไหลลงมายืนอยู่ที่ 3.80 บาท ลบไป 0.02 บาทนะซี

*เรื่องฉาวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับ บล.อาร์เอชบี กลายเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า “กฎมีไว้แหก” หลังมีการปล่อยปละละเลยให้ลูกค้าเทรดหุ้นที่ติดแคชบาลานซ์ สามารถเทรดเหมือนหุ้นปกติหน้าตาเฉย ตลท.เลยจัดการสั่งภาคทัณฑ์เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมกับทำให้ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นตั้งข้อสงสัยมากมายว่า เกิดอะไรขึ้นกับวงการนี้อีกแล้ว..อิอิอิ

*ด้วยเหตุนี้กระมัง ถึงมีการตั้งองค์กรลับที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทางการให้เข้ามาเทรนนิ่งที่ปรึกษาทางการเงิน เจ้าของกิจการ และโบรกเกอร์ เพื่อให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของการทำหุ้น IPO ให้ปังแบบยั่งยืน ซึ่งพรายกระซิบแอบได้ยินข่าวแว่ว ๆ ตอนนี้มีสมาชิกที่เข้าร่วมมากถึง 100 ชีวิต และโต้โผหลักในการทำกิจกรรมดังกล่าวในอีก 1 เดือนข้างหน้ามีชื่อของ เฮีย ค. เป็นคนสั่งการทั้งหมด จึงเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับติดตามดูกันต่อไปว่า ไอพีโอต่อจากนี้จะปังแค่ไหน ? ..อิอิอิ