ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 ก.พ.62 ปิดที่ 1,658.71 จุด บวก 5.62 จุด มีมูลค่า การซื้อขาย 38,519.92 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,627.85 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด EA ปิด 49.75 บาท บวก 2.25 บาท, PTT ปิด 48.75 บาท ลบ 0.50 บาท, BDMS ปิด 23.60 บาท ลบ 0.20 บาท, KBANK ปิด 202 บาท บวก 2 บาท และ AOT ปิด 69.50 บาท ลบ 0.50 บาท

ตลาดปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่ยังเบาบางแต่มีแรงซื้อขายหุ้นรายตัวตามข่าวที่เข้ามาหนุน

ราคาหุ้น EA พุ่งกว่า 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นโดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะ “ซื้อเก็งกำไร” ให้เป้าหมาย 52.80 บาทมองว่าได้โอกาสจากนโยบายแก้ฝุ่น PM 2.5 แผน 3 ระยะของรัฐ เช่น สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า, ดีเซลพรีเมียม เปิดโอกาสแก่ธุรกิจโรงกลั่น ไบโอดีเซล, การพัฒนาโรงงานแบตเตอรี่ และแผนผลิตรถยนต์ EV car
มองแนวโน้ม 12 เดือนข้างหน้าส่งผลเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานและโอกาสที่ตลาดจะปรับประมาณการในระยะยาว ได้แก่ การ COD โครงการลมลอตสุดท้าย 260MW ไตรมาสนี้ (ปัจจุบันเริ่ม COD แล้ว 90mw และทยอยที่เหลือใน 1Q62)

ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/61 ที่จะประกาศออกมาคาดว่าขยายตัว +30% YoY และพัฒนาการของโครงการ PCM และแบตเตอรี่ในช่วงปลายปี 62 โดยราคาเหมาะสม ปี 62 อิง PEG 0.9x ของ EPS growth ปีนี้ เพียงพอต่อการเก็งกำไรใน 12 เดือนนี้

ขณะที่ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มกำไรปี 61 ของ EA ที่ 5,973 ล้าน ปี 62 ที่ 7,676 ล้าน และปี 63 ที่ 8,454 ล้าน สดใสต่อเนื่อง มาจากเตรียมรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมานที่ทยอยเปิดเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปลายปี 61 ถึงต้นปี 62 คาดว่าจะหนุนกำไรปี 61 และปี 62 ที่ 970 ล้านและ 2,300 ล้านตามลำดับ

จากนั้นธุรกิจแบตเตอรี่เฟส 1 กำลังการผลิต 1 GW จะเป็นตัวหนุนการเติบโตหลักในปี 63 คาดว่าจะสร้างกำไรได้ราว 500 ล้าน และเพิ่มเป็น 1,800 ล้านในปี 64 แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐานปี 62 ที่ 56 บาท

ส่วน บล.ฟินันเซียไซรัส แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายสูงถึง 65 บาท!!

อินเด็กซ์ 51