*ดูเหมือนบรรดาแฟนคลับจะไม่มีอะไรคับข้องใจเกี่ยวกับการทะยานของดัชนีอีกต่อไป เพราะทุกคนเห็นแล้วว่า ดัชนีพยายามประคองตัวยืนเหนือแนวรับ 1,660 จุดตลอดเวลา ผนวกกับตลาดหุ้นกำลังเฝ้ารอข่าวดีชิ้นใหม่เข้ามาเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุน จึงจำเป็นต้องมีการทดสอบแรงซื้อแรงขายเพื่อให้แน่ใจว่า แฟนคลับยังคงเหนียวแน่นเหมือนเดิมไงล่ะคะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นดัชนีแกว่งตัวไปมาในกรอบแคบ ๆ ตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดตลาดด้วยการยืนที่ระดับ 1,665.27 จุด บวกไป 1.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.25 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” กลับมองเป็น “เรื่องดี” มากกว่า “เรื่องร้าย” เพราะเป็นการปลดปล่อยแรงเทขายออกไประดับหนึ่ง พร้อมกับเปิดโอกาสให้นักช้อปเข้ามาเก็บของรอบใหม่ได้ไม่อั้น ส่งผลให้ภาพของการลงทุนยังดูดีนะจะบอกให้

*ถึงกระนั้นก็มีปัญหาให้ต้องคิดมากนิดหนึ่งว่า บริษัทที่ประกาศผลประกอบการออกมาในเที่ยวนี้คิดเป็น 82% ของมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทยทำกำไรได้เพียง 1.44 แสนล้านบาท และเมื่อนำกำไรเฉพาะไตรมาส 4 ปี 2561 เทียบกับ ไตรมาส 4 ปี 2560 กลายเป็นว่ากำไรลดลง 37% ต่อจากนั้นเมื่อนำมาเทียบกับไตรมาสต่อไตรมาส (Q4/Q3 ปี 2561) กำไรลดลง 39% เดี๊ยนถึงต้องคิดต่อไปว่า ไตรมาส 1 ปี 2562 กำไรของตลาดหุ้นไทยจะออกมาดีไหม ?

*ส่วนในรายของ IVL ทำกำไรแบบเหนือเมฆสุด ๆ ราคาหุ้นก็เลยพุ่งขึ้นมาปิดที่ 52.25 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.94 พันล้านบาท ซึ่งจากเดิมมองกันว่า กำไรอาจออกมาไม่ดีเหมือนที่หวัง พอเอาเข้าจริงกลับทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ “โมนิก้า” เลยมองว่า วันนี้น่าจะซัดกันต่ออีกยกแหง ๆ เพราะเมื่อดูตามรูปการณ์ที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้ขัดอารมณ์เลยนะซี

*เหมือนกับดีลควบรวมของธนาคาร “ทหารไทย” กับ “ธนชาต” กลายเป็นแรงกระตุ้นให้นักเล่นกระโจนใส่เพื่อเข้าไล่ราคากันอย่างเมามัน จนราคาหุ้น TMB พุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.32 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท ส่วนรายของ TCAP ก็พุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ 56.25 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.54 พันล้านบาทแบบชิว ๆ กันเลยทีเดียว และน่าจะเป็นช็อตของการเล่นต่ออีกวันเช่นกันจ้า

*คล้ายกับกรณีของ TISCO ไล่ราคาหุ้นกันมานานนับเดือน ก่อนจะปล่อยหมัดเด็ดปันผลหุ้นละ 7 บาท ราคาหุ้นถึงขึ้นมายืนปิดที่ 88 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองจากในมุมไหน ด้านไหน ก็มีสิทธิ์ได้เห็นหุ้นขึ้นไปยืนแถว 100 บาท เพราะเมื่อคิดออกมาในแง่ของอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลร้อยละ 7 หุ้นควรขึ้นไปยืนตรงนั้นใช่ไหมคะ

*อีกรายที่น่าสนใจในเที่ยวนี้กลายเป็น JMART เพราะหลังจากพรายกระซิบไปแกะงบการเงินมาดู พร้อมกับอธิบายสาเหตุที่ทำให้ผลงานไม่เข้าตาเกิดจากการบันทึกตัวเลขบางอย่างเต็มจำนวนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทำให้เชื่อว่าปี 2562 ผลงานจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง บรรดานกรู้ก็กระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 6.30 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 9.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 113 ล้านบาทอย่างง่ายดายเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่น่าจับตาดูว่า ดีจริงไหม ? “โมนิก้า” กลับมองไปที่ UNIQ หลังราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 10.60 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 167 ล้านบาท พร้อมกับแสดงให้แมงเม่าได้เห็นว่า เพิ่งขึ้นแรงเป็นวันแรกก็มีประเด็นให้ติดตามดูอย่างใกล้ชิดเหมือนกัน เพราะแพตเทิร์นของหุ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอยู่ในลักษณะขึ้นแรงต่อจากนั้นมักลงลึกเป็นประจำนะซี

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาดู III เพื่อทำให้นักเล่นได้เห็นความผิดปกติที่มักเกิดขึ้นให้เห็นบ่อย ๆ มักมาจากขาใหญ่เข้ามาดันราคาแบบสุดซอย ทั้งที่ผลงานยังไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ผลสุดท้ายเลยทำให้คนที่แห่ตามกันไปติดดอยแบบไม่ทันตั้งตัว จึงอยากให้แมงเม่ามองการขึ้นมาปิดที่ 6.20 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 15.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207 ล้านบาท ใช่การส่งสัญญาณให้รู้ว่า กำไรปี 2562 น่าจะดีขึ้นจริงไหม ?

*สำหรับรายที่ผลงานดีขึ้นจริงๆ แต่ราคาหุ้นทะยานจนเข้าเขตซื้อมากเกินไปอย่างโรงเรียนของหนู SISB กลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องเริ่มคิดอะไรบางอย่างไว้ล่วงหน้า “โมนิก้า” ถึงต้องออกมาพูดเตือนด้วยความหวังดี แถมเดี๊ยนไม่ใช่คนประเภทหลับหูหลับตาเชียร์โดยไม่ดูปัจจัยรอบด้าน จึงอยากให้ทุกคนตัดสินการขึ้นมาปิดที่ 6.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 209 ล้านบาทด้วยตัวของท่านเอง..อิอิอิ