ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 มี.ค.62 ปิดที่ 1,641.44 จุด ลดลง 12.04 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 48,408.90 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,778.95 ล้านบาท

หุ้นซื้อขายสูงสุด TRUE ปิด 4.82 บาท ลบ 0.58 บาท, TOP ปิด 69.25 บาท ลบ 3 บาท, PTT ปิด 48.75 บาท บวก 0.25 บาท, PTTGC ปิด 71.50 บาท ลบ 0.50 บาท และ SCC ปิด 468 บาท ลบ 6 บาท

ราคาหุ้น TRUE ร่วงแรง แม้ผลงานทั้งปี 61 จะมีกำไรกว่า 7 พันล้าน โดยยอดขายทั้งปีสูงเป็นประวัติการณ์แตะแสนล้าน แต่เมื่อเจาะโฟกัสงบไตรมาส 4/61 พบขาดทุนสุทธิหนักถึง 3 พันล้านบาท เหตุรายได้มือถือหดตัว สวนทางค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่ม รวมถึงมีค่าใช้จ่ายระงับข้อพิพาทกับ กสท

ทั้งนี้ TRUE เคยขาดทุนหนักสุดถึง 9,062 ล้านบาทในปี 56 ก่อนพลิกมามีกำไรได้ในปี 57-58 แต่พลิกกลับมาขาดทุนสุทธิอีกครั้งในปี 59 ที่ 2,814 ล้านบาท และกลับมามีกำไรได้ในปี 60 และ 61

โดยเฉพาะงวด 9 เดือนปี 61 สามารถทำกำไรไปได้ถึง 10,035 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 3,088 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 2 มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) 1.1 หมื่นล้านบาท

แต่โค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปี 61 ออกมาน่าผิดหวัง ขาดทุนสุทธิถึง 3 พันล้านบาท ระบุว่าเป็นผลจากรายได้ธุรกิจมือถือที่ลดลง โดยรายได้ เฉลี่ยต่อหมายเลข (ARPU) ลดลงถึง 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สวนทางกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงปีก่อน ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 61 ทำไปได้เพียง 7,034 ล้านบาท

ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้าแนะเลี่ยงลงทุน มองภาวะตลาดมือถือโดยรวมเข้าสู่จุดอิ่มตัวเร็วกว่าคาด และการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดชะลอตัวลง ควรรอให้สัญญาณการฟื้นตัวของรายได้กลับมาก่อน แต่มีข้อดีคือความเสี่ยงด้านคดีจะลดลงหลังระงับข้อพิพาทส่วนใหญ่กับ กสท สำเร็จแล้ว!!

ส่วน บล.กรุงศรี แนะนำ “ถือ” ให้ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท ขณะที่ บล.เคจีไอ ระบุ เตรียมปรับลดประมาณการกำไรปี 62-63 ลงอีก หลังขาดทุนหนักไตรมาส 4/61 จากเดิมคาดว่ามีกำไร 500 ล้านบาท ระบุว่าการอิ่มตัวของธุรกิจมือถือถูกพูดถึงมาระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่นักลงทุนต้องคำนึงก็คือ โอกาสรอดของธุรกิจเครือข่ายมือถือขณะนี้ยังมีอยู่จริงหรือไม่ โดยเฉพาะกับ TRUE!!

อินเด็กซ์ 51