*เป็นอย่างที่ทราบกันดีว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ค่อยรันจวนใจสักเท่าไหร่ ? แรงเทขายถึงพรั่งพรูออกมาเป็นระยะ จนดัชนีไม่สามารถยืนหยัดสร้างฐานแนวรับที่มั่นคงได้สักที “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่นักเล่นต้องเข้าใจมูฟเมนต์ที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันไม่มีอะไรที่ทำให้การถือหุ้นยาว ๆ ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ทุกคนถึงหันมาเล่นสั้น ๆ เพื่อความคล่องตัวไงล่ะคะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงอย่าหวังอะไรที่ไกลเกินตัวมากนัก เพราะสิ่งที่เดี๊ยนสัมผัสได้ในเที่ยวนี้ ล้วนเป็นเรื่องความไม่มั่นใจในการลงทุนที่นำโด่งมาแต่ไกล หลังหุ้นบลูชิพยืนระยะไม่ได้เหมือนกับที่กูรูหลายรายคาดการณ์ไว้ ผลสุดท้ายถึงลงเอยด้วยบรรยากาศการลงทุนที่วังเวงวิเวกโหวเหว โดยดัชนีสามารถยืนปิดที่ 1,627.59 จุด บวกไป 0.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.71 หมื่นล้านบาทแบบงง ๆ มึน ๆ ซึม ๆ พะยะค่ะ

*ถึงกระนั้นก็ยังมีหุ้นบางตัวสอดแทรกขึ้นมายืนปิดในแดนบวกได้อย่างโดดเด่น และยังมีหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กบางตัวเริ่มถูกเก็บเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง “โมนิก้า” เลยเกิดอาการฮึกเหิมขึ้นมาอีกรอบ เพราะหุ้นที่สามารถยืนประคองตัวได้อย่างโดดเด่นน่าจะมีสตอรี่สวย ๆ ช่วยบิลต์ราคาหุ้นในอนาคตอย่างแน่นอน เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นเลือกเคาะขวาเป็นรายตัวนะจะบอกให้

*เซอร์ไพรส์สุด ๆ “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่น้องท็อป TOP ทะยานขึ้นมาปิดที่ 70.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 พันล้านบาท ทั้งที่วันก่อนเพิ่งออกอาการจะลงไปปักหลักสร้างฐานแถว 65 บาท จู่ ๆ กลับมีแรงซื้อเข้ามาดันหุ้นพรวดเดียวแบบนี้ ไม่ได้ทำให้เดี๊ยนเกิดความรู้สึกที่ดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะยังมีแนวต้านย่อยทั้งหมดอีก 4 แนวขวางอยู่นะซี

*เหมือนกับในรายของ TMB ทำท่าจะไปได้สวยแบบเนียน ๆ เพราะทุกคนเทใจให้หมดหน้าตัก พอเอาเข้าจริงกลับมีแรงเทขายถล่มออกมา จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 2.14 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นประเด็นเรื่องราคาเพิ่มทุนที่ต่ำเกินไป เลยทำให้ผู้คนเกิดอาการแหยงขึ้นมากะทันหัน จึงต้องการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็เท่านั้นเองจ้า

*ผิดกับในรายของ BEM มีแรงซื้อกับแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ แต่หุ้นยังประคองตัวยืนเหนือแนวรับสำคัญ 9.80 บาทได้อย่างยอดเยี่ยมนั้น เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นพร้อมจะเดินหน้าขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม จึงจำเป็นต้องย่ำฐานให้แน่นเสียก่อน วานนี้ถึงเห็นหุ้นยืนปิดที่ 10 บาท บวกไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 740 ล้านบาท เดี๊ยนมองจากมุมไหน ด้านไหน ก็เป็นจังหวะเล่นสั้น ๆ นะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของ CBG ทะยานขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวลือพันธมิตรจากอังกฤษจะเข้ามาร่วมถือหุ้น แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีอะไรออกมาอย่างเป็นทางการเสียที บรรดาเสือปืนไวเลยโหนกระแสดังกล่าวเข้ามาไล่ราคากันอย่างคึกคัก จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 60 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 633 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high ในรอบ 10 เดือนแบบชิว ๆ จึงต้องเลยตามเลยไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่มีของดีเป็นแบ็กอัพอย่าง BGRIM กลายเป็นช็อตที่ต้องใส่เต็มเหนี่ยวแบบไม่ต้องลังเลใจอะไรทั้งสิ้น เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ 29.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 175 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับการขึ้นรอบใหม่ เพราะเป็นการขึ้นที่มาพร้อมกับวอลุ่มที่แน่นขนัด จึงคาดหวังว่าเที่ยวนี้จะวิ่งขึ้นไปถึงยอดเก่าบริเวณ 31 บาทเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องคาดหวังขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมาดูหุ้น NWR เพื่อเปิดเป็นทางเลือกให้กับพวกที่กล้าเสี่ยงตาย หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 0.87 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 66 ล้านบาท พร้อมกับปรากฏแท่งเทียนสีเขียวโด่เด่ขึ้นมาแท่งเดียว มันกลายเป็นช็อตเสี่ยงตายของพวกบ้าบิ่นโดยเฉพาะ จึงไม่ขอคอมเมนต์อะไรมากมายนะคะ

*สำหรับในรายของม้านอกสายตา PRM พยายามยกตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่ในระหว่างทางมักมีแรงเทขายทำกำไรออกมาประปรายนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่กำลังเปลี่ยนฐานให้สูงขึ้นกว่าเดิม แถมได้ข่าวแว่ว ๆ จากพรายกระซิบว่า กองเรือใหม่ไม่ได้ก่อมลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 จึงไม่ต้องลงทุนปรับเปลี่ยนระบบเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้เป็นจำนวนมาก เขาถึงลงความเห็นกันว่า การย่อตัวลงมาปิดที่ 6.25 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการเก็บของจริงไหม ? ถามใจเธอดูเจ้าค่ะ