ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 มี.ค.62 ปิดที่ 1,639.67 จุด บวก 12.08 จุดมีมูลค่าซื้อขาย 45,442.76 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 290.25 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTGC ปิด 67.75 บาท บวก 0.25 บาท, PTT ปิด 47.75 บาท บวก 0.50 บาท, IVL ปิด 48.25 บาท ลบ 0.50 บาท, AOT ปิด 68.75 บาท บวก 1.75 บาท, CPALL ปิด 77.50 บาท

“วิวัฒน์ เตชะพูลผล” รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เทคนิค บล.ทิสโก้ เผยว่า ได้ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีแรกเหลือ 1,750 จุด จากเดิมที่ให้เป้าไว้ที่ 1,850 จุด เนื่องจากประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตชะลอตัว คาดว่า GDP ไทยปี 62 จะโตได้เพียง 3.5% ปรับลงจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4% เพราะส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และการลงทุนภาครัฐ โครงการ EEC อาจล่าช้ากว่าคาด

และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4 ปี 61 จำนวน 496 บริษัทจากทั้งหมด 613 บริษัท ออกมาต่ำกว่าที่คาดอย่างมาก ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 62 ลงมาอยู่ที่ 110.3 บาท ลดลงจากประมาณการเดิม 4.4% และปรับลด EPS ปี 63 มาอยู่ที่ 120.3 บาท ลดลงจากเดิม 3.7%

แม้ปัจจัยลบจะยังมีอยู่ แต่ประเมินว่าตลาดเดือน มี.ค.-เม.ย.จะค่อยๆ ฟื้นตัวและดัชนีจะปรับขึ้นไปแตะที่ 1,700 จุดได้ในเดือน เม.ย. ผลบวกจากบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศจ่ายปันผลซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงเพราะราคาหุ้นปรับลงไปมาก

นอกจากนี้ การเลือกตั้งที่จะเริ่มเห็นความชัดเจน การจัดตั้งรัฐบาลว่าจะมีพรรคใดบ้างที่ร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการเปลี่ยนกฎเกณฑ์เรื่องการนำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี MSCI Emerging Market ต้องจับตาว่าวันที่ 29 มี.ค.นี้ MSCI จะประกาศนำใบแสดงสิทธิ NVDR เข้ามาคำนวณในดัชนีหรือไม่ หากประกาศใช้จะส่งผลให้หุ้นไทยถูกปรับน้ำหนักในดัชนี MSCI เพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 3.0% ซึ่งจะทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าซื้อหุ้นไทยเพิ่มราว 5 หมื่นล้านบาท

หุ้นแนะนำเดือนนี้มี 3 ธีมการลงทุนคือ หุ้นที่คาดว่าจะได้รับการปรับน้ำหนักเพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของ MSCI และมีพื้นฐานที่ดี ได้แก่ BDMS, DTAC, RATCH และ SCC

หุ้นที่คาดจะถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น ได้แก่ JWD และ MAJOR และหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาสที่ 1/2562 จะออกมา ได้แก่ BEM, RS และ STEC!!

อินเด็กซ์ 51