*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยวานนี้ไม่ได้ผิดแปลกไปจากการคาดคะเนของใครหลาย ๆ คนจากก่อนการเลือกตั้งทั้งกองทุนทั้งฝรั่งหัวทองต่างตั้งหน้าตั้งตาเก็บหุ้นไทยเข้าพอร์ตจนดันดัชนีบวกแรง 2 วันติด ก็ถึงเวลาปล่อยของออกมาตามระเบียบหุ้นไทยถึงลงมาปิดที่ระดับ 1,625.91 จุด ปรับตัวลดลง 20.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,064.83 ล้านบาท ส่วนแมงเม่าสายลุยเข้ามาเก็บของอีกรอบหลังจากท้ายสัปดาห์สาดหุ้นทำกำไรโครมใหญ่ช่วงดัชนีขาขึ้น ใครที่ถือคติเข้าเร็วออกทันถือว่าอ่านเกมหุ้นออกเจ้าค่ะ

*ในเมื่อหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แถมปัจจัยหลาย ๆ ด้านยังไม่เสถียร จึงอยากให้แฟนคลับลองตั้งคำถามเล่น ๆ ว่า ภาพการลงทุนต่อจากนี้ไปจนอีกสักระยะใหญ่ตลาดหุ้นจะมีแรงซื้อหรือแรงขายเข้ามาในหุ้นไทยกันแน่ ? เพราะหากดัชนีหลุด 1,620 จุดลงไปอาจไหลยาวได้ถึง 1,600 จุด หากใครที่ยังไม่เก็ตกับคำถามของ “โมนิก้า” คงต้องวางไม้วางมือจากหน้าจอสักพัก รอให้มีสัญญาณเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแล้วค่อยกลับมาเคาะกระดานอีกครั้งก็ไม่เสียหายเจ้าค่ะ

*พฤติกรรมของพอร์ตซื้อขายรายกลุ่มยังคงรูปแบบที่คาดเดาได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนเต็ม ๆ เพราะหากทุกอย่างคลี่คลาย แต่เม็ดเงินต่างชาติยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับเข้ามาง่าย ๆ ล้วนแล้วแต่บ่งบอกถึงความเสี่ยงสำหรับหุ้นไทยในอนาคต “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นจับตากันเอาไว้ให้ดี สำหรับใครที่ใจไม่ถึงอย่าเพิ่งลงไปเป็นแค่หมากในเกมยังไงล่ะคะ

*อย่างในรายของ TOP ราคากลับมาอยู่ในแดนลบ หลังก่อนหน้านี้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมายืนเหนือค่าเฉลี่ย 10 วัน แต่เมื่อปัจจัยภายนอกยังไม่เป็นใจถึงได้เห็นหุ้นกลับหัวลงมากองอยู่แถว ๆ 70.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลดลง 2.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,031.08 ล้านบาท ฟากเครื่องมือที่บ่งบอกสัญญาณเทคนิคล้วนแล้วแต่ยังไม่เป็นใจให้หุ้นขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่ 76 บาทได้สักที ถึงได้เห็นราคาหุ้นจะย่ำอยู่แบบนี้ไปอีกสักพักนะเจ้าค่ะ

*ในรายของ ADVANC ลงมาพักตัวที่ระดับ 181.50 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลดลง 2.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1,063.54 ล้านบาท “เดี๊ยน” มองเป็นเพียงการแกว่งตัวลงแค่ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น ถือเป็นจังหวะที่น่าเข้าไปเก็บ เพราะรูปแบบการหดตัวลงมาลักษณะแบบนี้มีให้เห็นหลายต่อหลายครั้งว่าหุ้นควรจะรีบาวด์ อีกทั้งทางเทคนิคบ่งชี้ว่าหุ้นมีโอกาสวิ่งกลับขึ้นไปที่เดิมได้แบบง่าย ๆ เจ้าค่ะ

*ด้าน EA เจอศึกหนักหลังบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจ ทำให้หุ้นคอพับคออ่อนลงมาปิดที่ระดับ 48 บาท ลบ 1 บาท หรือ 2.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 601.34 ล้านบาท แต่ยังถือเป็นหุ้นตัวโปรดของ “โมนิก้า” เพราะหากดูกันที่พื้นฐานล้วน ๆ ยังเป็นหุ้นน้ำดีในสต๊อกของใครหลาย ๆ คน ไล่เรียงมาจากกำไรไตรมาส 1/2562 ที่มีแววจะทุบสถิติออลไทม์ไฮรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมาน 1 และ 8 ที่เริ่มเดินเครื่องตั้งแต่ต้นปี แถมด้วยปลายเดือนนี้เริ่มการผลิตโครงการใหม่อีก 170 MW การย่อตัวลงมาครั้งนี้อยากให้มองเป็นโอกาสเข้าเก็บของดีราคาถูกนะเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ STEC ทำตัวเป็นชาวสวน ว่ากันด้วยเรื่องของพื้นฐานที่ยังแกร่งและงานในมือที่แสนจะลงล็อก จึงได้เห็นราคาหุ้นกลับมาวิ่งเป็นม้าคึกตั้งแต่เปิดเทรดจนมาจบที่ระดับ 23.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือ 3.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,112.16 ล้านบาทแบบไม่สนภาวะดัชนี ถือเป็นสีสันของวันแดงเดือดที่ทำให้นักลงทุนได้เห็นว่าหุ้นที่มีปัจจัยหนุนนำจะแสดงอภินิหารได้นะสิ !

*คล้ายกับ STPI ที่เปิดตลาดราคาทะยานขึ้นมาแบบไม่ลืมหูลืมตา “โมนิก้า” มองเป็นภาพของการขึ้นระยะสั้นจากการเมืองล้วน ๆ แบบไม่อิงปัจจัยพื้นฐานอะไรทั้งนั้น ถึงไม่แปลกใจที่ช่วงท้ายตลาดหุ้นจะเริ่มชะลอความร้อนแรงเหลือปิดที่ระดับ 6.05 บาท บวก 0.150 บาท หรือบวกไป 2.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 159.99 ล้านบาท อาการสวิงโหดแบบนี้เหมาะสำหรับคนใจถึงเท่านั้นเจ้าค่ะ

*ปิดท้ายที่หุ้นบิ๊กแคปอีกตัว RATCH วิ่งบวกสวนตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยราคาหุ้นมาปิดที่ระดับ 57.25 บาท บวก 1 บาท หรือ 1.78% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 321.41 ล้านบาท แน่นอนด้วยพื้นฐานกลุ่มเป็นหุ้น Defensive หรือหุ้นปลอดภัยในยามตลาดผันผวน บวกกับมีลุ้นเข้าคำนวณ MSCI รอบใหม่ ถือว่ายังเป็นหุ้นเป้า Fund Flow ไหลเข้า เหมาะสำหรับการนำเงินมาพักไว้เพื่อรอตลาดฟื้นตัวดีสุดเจ้าค่ะ