ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 เม.ย.62 ปิดที่ 1,675.00 จุด บวก 1.80 จุด มีมูลค่า การซื้อขาย 47,335.84 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,089.22 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 68.75 บาท บวก 0.25 บาท, IVL ปิด 47.50 บาท ลบ 1 บาท, SCB ปิด 128 บาท ลบ 1.50 บาท, PTT ปิด 48.75 บาท บวก 0.25 บาท และ EA ปิด 53.25 บาท บวก 0.25 บาท

มีมุมมองวิเคราะห์ของ บล.เอเซียพลัส ในปัจจัยต่างๆที่น่าสนใจ เช่น กรณี กสทช.ประกาศเงื่อนไขผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่จะได้รับการขยายเวลาชำระเงินค่าคลื่น 900 MHz งวดที่ 4 ซึ่งเป็นก้อนใหญ่ สุดออกไป 10 งวดปี และกำหนดให้ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันจะต้องประมูลคลื่น 700 MHz โดยต้องแจ้งความจำนงใน 10 พ.ค. เริ่มใช้คลื่น-จ่ายเงิน 1 ต.ค.63-ปี 72 (รวมทั้ง 3 บริษัท เป็นจำนวน 7.5 หมื่นล้านบาท)

ประเด็นดังกล่าวอาจจะกดดันหุ้นกลุ่ม ICT ทั้ง ADVANC-TRUE- DTAC แต่จะเป็นผลดีต่อผู้ที่ให้บริการ TV Digital ชอบ RS (ให้มูลค่าพื้นฐาน 22.10 บาท) คาดผลประกอบการ 1Q62 ดีและได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว

ขณะที่ตลอดเดือน เม.ย.เม็ดเงินจากสถาบันและต่างชาติไหลกลับเข้าหุ้นไทยกว่า 8.2 พันล้านบาท และ 3.9 พันล้านบาท หนุนดัชนีปรับขึ้น 2.1% และมูลค่าซื้อขายกลับมาหนาแน่นและยังมีประเด็นเก็บภาษีในอัตรา 15% จากผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ โดยการศึกษาจากเงินลงทุนของกองทุนในไทย ณ สิ้นปี 61 มีกองทุนรวม 1,649 กอง มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 5.06 ล้านล้านบาท และเงินลงทุนหลักอยู่ในกองทุนตราสารหนี้มากสุด คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50%

ประเด็นนี้ Sentiment ลบให้กองตราสารหนี้ แต่จะดีต่อหุ้น เพราะ Earning Yield Gap. จะกว้างขึ้น เพราะผลตอบแทนตราสารหนี้ต้องหักภาษี 15% กดดัน Bond Yield 1 ปี ที่ 1.8% ซึ่งหากลดลงราว 15% จะหนุน Earning Yield Gap. ปรับขึ้นจาก 4.32% เป็น 4.59%

ทั้งนี้ จะหนุนเงินลงทุนถูกโอนจากตราสารหนี้มายังหุ้นมากขึ้น ดีต่อกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน, อสังหาฯ, หุ้นปันผลสูง รวมถึง Fund Flow ที่เริ่มไหลกลับเข้ามา ช่วยหนุนหุ้นใหญ่สภาพคล่องสูง โดยฝ่ายวิจัยคัดหุ้นที่น่าลงทุนดังนี้ หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ปันผลสูงและหุ้นน้ำมันที่ราคา ยัง Laggard QH-KKP-LH-SENA-SC-DCC-PTT-EASTW-JMT

ส่วนหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง มาร์เกตแค่ใหญ่ สภาพคล่องสูงที่ชื่นชอบ STEC–KBANK–BDMS!!

อินเด็กซ์ 51