บล.ไทยพาณิชย์คาดการณ์นโยบายรัฐบาลที่คาดว่าจะมีโอกาสเกิดได้สูง และมีผลต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องที่น่าสนใจ คือ นโยบายสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ขยายกลุ่มเป้าหมาย

ประกอบด้วย วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา จากร้านธงฟ้า, ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม, ค่าเดินทางรถสาธารณะ, เบี้ยคนพิการ, ค่าเช่าบ้านผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, ค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า และค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ คือ CPALL, BJC และ BTS!!

ด้านนโยบายมารดาประชารัฐ เงินอุดหนุนตั้งครรภ์, ค่าคลอดบุตรและค่าดูแลเด็กถึงอายุ 6 ขวบ หุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ CPALL, BJC และ ROBINS ส่วนนโยบายกระตุ้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยหุ้น ที่ได้ประโยชน์ คือ ADVANC, SYNEX และ ITEL ขณะที่นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยจะเพิ่มไปที่จังหวัดอื่นๆทำให้หุ้นที่ได้รับประโยชน์ คือ AMATA, ROJNA และ WHA

สำหรับนโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ ซึ่งจะแก้ พ.ร.บ.ยาเสพติด พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ให้กัญชาเป็นสมุนไพรทางการแพทย์ทางเลือก ส่งผลให้หุ้น บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) น่าจะได้ประโยชน์ ส่วนนโยบายพัฒนาระบบรางให้ครบและเชื่อมโยงกับระบบถนน หุ้นที่ได้รับประโยชน์ คือ STEC, SEAFCO และ ASCO!!

ปิดท้าย บล.ฟินันเซียไซนัส วิเคราะห์ กรณี Central Retail (CRC) ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น ROBINS อยู่ 53.83% จะทำ Tender Offer หุ้น ROBINS ที่ราคา 66.5 บาท แต่จ่ายเป็นหุ้นเพิ่มทุนของ CRC ที่อยู่ระหว่างทำ IPO และเข้าเทรดในตลาดฯ แทน ROBINS ที่จะ delist ออกจากตลาดฯ

โดยคาดว่ากระบวนการทำ Tender จะเกิดอย่างเร็วปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ประชุมผู้ถือหุ้น 5 ก.ย.นี้ และ CRC ต้องได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต.ทั้งการทำ IPO และอนุมัติ filing ก่อน

ทั้งนี้ CRC ทำธุรกิจค้าปลีกทั้งในไทย (Central, Robinson, Tops, Supersport, Power Buy, ไทวัสดุ, CMG, Family Mart) ในเวียดนาม และในอิตาลี (Rinascente) ปี 61 มีกำไรสุทธิ 9.5 พันล้านบาท ใหญ่กว่า ROBINS ที่มีกำไร 2.9 พันล้านบาท CRC มีสินทรัพย์ 1.8 แสนล้านบาท ใหญ่กว่า ROBINS 6 เท่า

เรามองบวกต่อดีลนี้ แนะให้ตอบรับคำเสนอซื้อ ราคา Tender ใกล้เป้าหมายของเราที่ 68 บาท คิดเป็น PE 23x ใกล้ PE ของ ROBINS และเป็นการถือหุ้น ROBINS ทางอ้อมผ่าน CRC!!

อินเด็กซ์ 51