ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ส.ค.62 ปิดที่ 1,620.23 จุด ลดลง 30.41 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 64,186.02 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,395.21 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 43 บาท ลบ 1.25 บาท, CPALL ปิด 84.50 บาท ลบ 2.50 บาท, AOT ปิด 67.25 บาท ลบ 2.50 บาท, MTC 50.75 บาท ลบ 2.25 บาท, ADVANC ปิด 223 บาท ลบ 2 บาท

หุ้นไทยดิ่งลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากปัจจัยเสี่ยงรอบด้านโดยเฉพาะการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่ยาวนานติดต่อกัน 2 เดือน จากประเด็นชาวฮ่องกงไม่พอใจประเทศ ที่จีนจะเข้ามาแทรกแซงการบริหารประเทศ และการชุมนุมเริ่มรุนแรงขึ้นและมีสัญญาณของการเกิดจลาจล

บล.เอเซียพลัสระบุว่า ผลกระทบจากการประท้วงฮ่องกงต่อไทยคือ ภาคการค้าระหว่างประเทศ โดยฮ่องกงเป็นคู่ค้า (X+M) อันดับ 10 ของไทย หรือราว 3% ของประเทศคู่ค้าทั้งหมด แต่หากพิจารณา ภาคการส่งออก (X) พบว่าเป็นตลาดส่งออกอันดับ 5 ในปี 61

โดยสินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งออกไปฮ่องกงคือ คอมพิวเตอร์ราว 29% รองลงมาคือ อัญมณี 17.4%, แผงวงจรไฟฟ้า 15.3%, ผลไม้สด แช่เย็น 1.9% เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ 1.9% และไทยนำเข้าสินค้าจากฮ่องกงมากที่สุดคือ เครื่องเพชรพลอย ทองคำราว 77% เครื่องจักรไฟฟ้า 2.4% เป็นต้น

Fund Flow ยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นทุกแห่งในภูมิภาคต่อเนื่อง รวมถึงไทย ที่วันศุกร์ต่างชาติขายสุทธิอีก 2.0 พันล้านบาท กดดันให้เดือน ส.ค.62 มีสถานะเป็นยอดขายสุทธิตลาดหุ้นทุกในภูมิภาค

สาเหตุสำคัญเกิดจากประเด็นสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนพักเงินในสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างทองคำ (ราคาสูงสุดอยู่ในระดับรอบ 6 ปี) และตลาดตราสารหนี้มากจนกดดันผลตอบแทนพันธบัตรของไทยปรับลดลงทุกช่วงอายุ

รวมทั้งประเด็นความไม่สงบในฮ่องกงที่กดดันให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาคไปด้วย เนื่องจากฮ่องกงถือเป็น Financial Hub ขนาดใหญ่ในเอเชีย สังเกตได้จากตลาดหุ้นมีขนาดใหญ่กว่า 2.14 ล้านล้านเหรียญ มีมูลค่ามากสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก (ใหญ่กว่าตลาดหุ้นไทยถึง 4 เท่า)!!

อินเด็กซ์ 51