ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ก.พ.63 ปิดที่ 1,435.56 จุด ลดลง 59.53 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 76,431.30 ล้านบาท กองทุนในประเทศขายสุทธิ 4,229.1 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติขายสุทธิ 1,673.40 ล้านบาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองภาพตลาดในระยะปัจจุบัน ถึงระยะกลางยังแกว่งตัวขาลง (Sideway Down) โดยมีแรงกดดันจากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการปรับลดประมาณการของบริษัทจดทะเบียนลง มองสัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลงต่อได้เห็นดัชนีปรับลดลงต่อประมาณ 20 จุดขณะที่พบว่านักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติยังคงขายสุทธิ ทำให้ยังมีแรงกดดันตลาดอยู่มาก

มองการเมืองในประเทศ ที่มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจำนวนเสียง ส.ส.ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ห่างกันมากขึ้น ทำให้มองว่าจะผ่านไปได้ แต่คงต้องติดตามความเข้มข้นในการอภิปรายไปพร้อมๆกัน

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ชี้ว่าตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะตื่นตระหนกเต็มตัว ดังนั้น แนวรับเพื่อรอการดีดตัวคงยังไม่เห็น จนกว่าจะเห็นการตอบสนองของตลาดหุ้นสหรัฐฯในคืนวันที่ 24 ก.พ.ท่ามกลางที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดิ่งลงรุนแรงมองว่าหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายและตลาดอยู่ในภาวะตื่นตระหนก อาจเห็นดัชนีลงไปในระดับที่ต่ำกว่านี้ได้อีก

แนะให้นักลงทุนรอให้บรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคนิ่งกว่านี้ การปรับตัวลงของ SET ที่มากกว่า —20% จากจุดสูงสุดใน 4 รอบหลังปี 2008 จะลงไปเฉลี่ย —22% จะอยู่ในกรอบปัจจุบันที่ประมาณ 1,445—1,450 จุด

ขณะที่ บล.กสิกรไทย แนะนำกลยุทธ์ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน แนะนำสะสม ADVANC (200-205), GPSC (72-73), CPF, STA ขณะที่ให้เลี่ยงลงทุนหุ้น 2 กลุ่ม คือ ธนาคาร และโรงกลั่น ซึ่งอาจเผชิญ Policy risk จากการคุมค่าธรรมเนียมและการปรับสูตรหน้าโรงกลั่น ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมใน มี.ค.นี้

ด้าน บล.เคทีบี แนะสัปดาห์นี้ยังให้น้ำหนักหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือหุ้นที่อิงรายได้จากการส่งออกหลังเงินบาทอ่อนค่าลง โดยยังแนะนำให้ถือเงินสดไว้ที่ 30% ส่วนหุ้นที่น่าสนใจ คือ หุ้นเสี่ยงต่ำ คือ ADVANC, B.GRIM ขณะที่ GULF คาดได้แรงเก็งกำไรจากการแตกพาร์ 5 เป็น 1 บาท, หุ้นที่อิงกับการลงทุนภาครัฐ ได้แก่ STEC, BTS!!

อินเด็กซ์ 51