ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 มี.ค.63 ปิดที่ 1,128.91 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 119,659.78 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 7,620.16 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 18.10 บาท ลบ 2.20 บาท, PTT ปิด 28 บาท บวก 1.50 บาท, AOT ปิด 56.50 บาท บวก 3.75 บาท, CPALL ปิด 61.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ GULF ปิด 135.50 บาท บวก 4.50 บาท

บล.เอเซียพลัสระบุว่า ตลาดปรับเกณฑ์ เรื่องการทำ Short Sell ไม่ได้ห้ามทำ เพียงแต่ลดความร้อนแรงของการทำ Short Sell เท่านั้น ถือว่าน้ำหนักของมาตรการค่อนข้างเบา ผิดจากความคาดหมาย ซึ่งโดยกลไกแล้ว นอกจาก Short Sell ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นการเพิ่ม Momentum ให้กับตลาดเช่น Block Trade, อนุพันธ์ประเภทต่างๆ, การซื้อขายด้วย Margin เป็นต้น ทำให้กลไกส่วนที่เหลือยังคงทำงานอยู่ และเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นในช่วงต่อไป

อย่างไรก็ตาม เอเซียพลัสได้คัด 12 หุ้นเด่น ที่ปันผลต่อเนื่องยาวนาน 12 ปี มาให้นักลงทุนพิจารณาหลบภัยในภาวะเช่นนี้ ที่หุ้นลงอาจถือเป็นโอกาสของนักลงทุนระยะยาวในการเลือกซื้อหุ้นดีราคาถูก

ระบุว่าตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปีปรับฐานลงรวมราว 461 จุดหรือราว 29.4% ถือว่าการปรับลงแรงมากกว่าการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ปี 63 ที่เอเซียพลัสปรับลดลงไป 14.6% ปัจจุบันคาดอยู่ที่ 8.54 แสนล้านบาท เท่ากับ 79.62 บาท/หุ้น จากต้นปี คาด 1 ล้านล้านบาท เท่ากับ 95.7 บาท/หุ้น

เชื่อว่าตลาดที่ปรับฐานแรง หลักๆเกิดจากการขาดความเชื่อมั่นทั้งแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจ ปี 63 ที่เห็นสัญญาณชะลอตัวชัดเจน จากการแพร่ระบาด COVID-19

ขณะที่ตลาดเชื่อว่า EPS มีโอกาสปรับลงต่อในอนาคต และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากกลไกของ Short selling, Force sell โดยเฉพาะ Block trade ฯลฯ

แต่หากแนวโน้มสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้นเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวแรงเหมือนในอดีต กลยุทธ์ลงทุนยังคงเน้นหุ้นปันผลที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอกว่า 12 ปี ดังนี้ MCS-LH-PYLON-BBL-PTT-INTUCH-TU-RATCH-ADVANC-CPF-TOP-CPALL ทั้งนี้ ชอบ RATCH-INTUCH มากสุด จบนะ!!

อินเด็กซ์51