ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 พ.ย.63 ปิดที่ 1,221.33 จุด บวก 19.17 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 50,169.98 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,248.87 ล้านบาท

บล.เอเซียพลัสคาดว่าจะมีการประกาศผลพิจารณาซีพีซื้อ เทสโก้อย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ กรณีกลุ่ม CP เข้าขออนุญาตกับคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ซึ่งที่ประชุม กขค.ได้พิจารณาคำขออนุญาตของ CP เสร็จแล้ว

ทั้งนี้ กลุ่ม CP ประกาศเข้าซื้อกิจการเทสโก้ประเทศไทยและมาเลเซีย ตั้งแต่ มี.ค.63 รวมมูลค่า 10.5 ล้านเหรียญฯ ภายใต้บริษัทย่อยจัดตั้งขึ้นใหม่ คือ ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง โดยมีเงินทุนจากฐานทุนตามสัดส่วนถือหุ้น 7.5 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งจะลงทุนในอีกบริษัทย่อยถือหุ้น 100% คือบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ ส่วนที่เหลือ 3 พันล้านเหรียญฯ เป็นการก่อหนี้ของบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์

หากกลุ่ม CP ได้รับอนุญาตให้เข้าซื้อกิจการเทสโก้ทั้งในไทยและมาเลเซีย ในส่วนของ CPALL ที่จะใช้เงินลงทุน 3 พันล้านเหรียญฯ มาจากการก่อหนี้เป็นหลัก เป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้น CPALL ในกรณีได้รับอนุมัติคือภาระดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นกดดันการเติบโตระยะสั้น-ระยะกลาง

ซึ่งฝ่ายวิจัยได้สะท้อนในประมาณการนับจาก 4Q63 แล้ว แต่ยังไม่รวม Downside จากผลกระทบ COVID-19

ขณะที่อีกประเด็นที่ต้องติดตามคือเงื่อนไขในการซื้อกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อ Synergy

ส่วนกรณีกลุ่ม CP ไม่ได้รับอนุญาตเข้าซื้อกิจการเทสโก้ระยะสั้นประเมินจะเป็นการปลดล็อกความกังวลการก่อหนี้ระยะสั้นจะเป็นผลบวกต่อราคาหุ้น CPALL แต่อาจทำให้ภาพการเป็นผู้นำกลุ่มฯระยะยาวในอาเซียนโดดเด่นน้อยลง

ทั้งนี้ แม้ประมาณการปัจจุบันยังไม่รวมถึง Downside การฟื้นตัวจากผลกระทบโควิดของ CPALL ที่ช้ากว่าคาด ซึ่งน่าจะส่งผลให้กำไรปี 63 ลดลง 15.5% ยังมี Downside ราว 8-10% แต่หากรวมผลกระทบการปรับลดกำไรตั้งแต่ต้นปี ที่ฝ่ายวิจัยปรับลดลงจากผลกระทบการซื้อ Tesco และโควิดมาแล้ว 25% จะคิดเป็นผลกระทบราว 33-35% เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจากจุดสูงสุดของปีที่ 28.2% น่าจะสะท้อนประเด็นนี้ บวกกับความกังวลต่อแรงกดดันจากภาระดอกเบี้ยกรณีซื้อเทสโก้ไปมากแล้ว

ระดับราคาปัจจุบันเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน แนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐานที่ 75.5 บาท!!

อินเด็กซ์ 51