หลังจากบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มา ด้วยมาร์เก็ตแคปใหญ่บิ๊กเบิ้มราว 1.5 แสนล้านบาท ส่งผลให้เข้า SET50 แบบ Fasttrack ทันที ก็สร้างความฮือฮาและตื่นเต้นให้กับนักลงทุน แม้ราคาหุ้นจะไม่ไปไหนก็ตาม…

แน่นอนว่า เมื่อ SCGP ใหญ่ซะขนาดนี้ ตลาดในประเทศรวมถึงเอเชียอาจดูเล็กไปแล้วสำหรับ SCGP…เห็นได้จากการไปปิดดีลซื้อ Go-Pak UK Limited (Go-Pak) บริษัทบรรจุภัณฑ์อาหารระดับโลกที่ประเทศอังกฤษ

ความน่าสนใจของ Go-Pak เป็นบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ โดยมีฐานการผลิตอยู่ในเวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารในยุโรปและอเมริกาเหนือ

ขณะที่ฐานลูกค้าของ Go-Pak นั้น ครอบคลุมตั้งแต่ผู้จัดจำหน่ายในภาคธุรกิจการบริการด้านอาหาร ผู้ค้าปลีก และผู้ค้าส่ง ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการร้านอาหาร เครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ร้านขายอาหารนำกลับ รวมถึงผู้ให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่

นั่นจะทำให้ SCGP สามารถขยายฐานตลาดไปยังยุโรปและอเมริกาเหนือ ที่ตลาดกำลังโตวันโตคืนได้…

ถ้าไปดูโปรไฟล์ Go-Pak ยิ่งน่าสนใจ มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 12 เดือนล่าสุด มีรายได้ 68.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 2,800 ล้านบาท มีมูลค่าสินทรัพย์ 40.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 1,650 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร 4,000 ล้านชิ้นต่อปี ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 250 ประเภท

เท่ากับว่า SCGP จะบุ๊กรายได้เพิ่มอีกกว่า 2,800 ล้านบาทต่อปีเลยนะเนี่ย…ไม่ธรรมดาจริง ๆ

ถือเป็นอีกก้าวในการตีตลาดโลกของ SCGP..!!

หลังจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไปซื้อ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) ในเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้สร้างชั้นนำด้านบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำจากเยื่อและกระดาษ (Fiber-based packaging) มีกำลังในการผลิตกล่องกระดาษลูกที่นอน 90,000 ตันต่อปี และมีกำลังการผลิตกล่องลามิเนท (Offset Laminated Packaging) 10,000 ตันต่อปี มีโรงงาน 3 ที่ใกล้นครโฮจิมินห์ โดยมีลูกค้าหลักเป็นบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ที่อยู่ในกรุ๊ปผลิตภัณฑ์ชนิดอุปโภคบริโภค

แต่เอ๊ะ..!! ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเปล่านะที่ดีลซื้อ Go-Pak ปิดได้พอดิบพอดีหลังจากเข้าตลาดฯ มาแล้ว จึงทำให้ SCGP ยังมีประเด็นเชิงบวกหนุน…

ทว่าแม้มีประเด็นเชิงบวก แต่เหมือนไม่ช่วยอะไร…หลังนักลงทุนยังรู้สึกผิดหวังกับงบไตรมาส 3/2562 ที่ทำกำไรได้แค่ 1,335 ล้านบาท ลดลงทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน

หุ้น SCGP จึงยังย่ำอยู่กับที่…ป้วนเปี้ยนอยู่แถว 35 บาท

นักลงทุนที่มีหุ้น SCGP ติดอยู่ในพอร์ตจึงตกอยู่ในสภาพ “กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด”…

ดีนะเนี่ยที่มีกรีนชูออปชันค้ำอยู่…ไม่งั้นคงดูไม่จืดมากกว่านี้…

ก็ต้องจับตาว่า ไตรมาส 4/2563 SCGP จะแก้มือได้สำเร็จหรือเปล่า..?

ถ้าตัวเลขออกมาปังปุริเย่ นักลงทุนคงไส่เกียร์ลุยต่อ แต่ถ้าแป้กอีกไตรมาส…งานนี้ตัวใครตัวมันแล้วล่ะ…

…อิ อิ อิ…