ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 ม.ค.64 ปิดที่ 1,522.59 จุด เพิ่มขึ้น 12.46 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 87,641.98 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 524.63 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 41 บาท ลบ 1.50 บาท, CBG ปิด 132 บาท บวก 0.50 บาท, KBANK ปิด 115 บาท ลบ 0.50 บาท, GPSC ปิด 83.25 บาท ลบ 0.25 บาท, BANPU ปิด 10.80 บาท บวก 0.90 บาท

บล. โกลเบล็ก ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,500-1,550 จุด โดยยังคงให้น้ำหนักเชิงบวกต่อกรณีที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ปี 64 หลังประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ American Rescue Plan วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือภาคธุรกิจ

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังซาอุดีอาระเบีย ปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมในเดือน ก.พ. และ มี.ค. 64 เพื่อรักษาระดับของปริมาณน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับสมดุล รวมถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีความคืบหน้าของการส่งมอบและฉีดให้ประชาชนในหลายประเทศแล้ว

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นตัวแปรฉุดตลาดยังคงเป็นวิกฤติโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงขึ้นต่อเนื่องทะลุ 90 ล้านราย ขณะที่ประเทศไทยยังพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เพิ่งประกาศใช้ คาดว่าสหรัฐฯอาจมีการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล

ส่วนผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารปี 63 ที่ทยอยแจ้งงบภายใน 21 ม.ค.นี้ มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี 62 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น แต่ด้วยฐานะเงินกองทุนที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้ ธปท.ยอมให้จ่ายเงินปันผลประจำปี และมองว่าช่วงนี้อาจมีแรงขายจากสถาบันในประเทศ เพื่อนำเงินไปจองซื้อหุ้น OR ช่วงปลายเดือน ม.ค.

แนะกลยุทธ์การลงทุน โดยลงทุนหุ้นกลุ่ม GREEN ENERGY ได้รับอานิสงส์จากนโยบายโครงการสีเขียวของ “โจ ไบเดน” ได้แก่ EA, GPSC, BCPG, BGRIM และ RATCH

พร้อมกันนี้ยังแนะลงทุนหุ้นแบงก์ ได้แก่ BBL เนื่องจากซื้อขายที่ PBV 0.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่เท่ากับ 0.7 เท่า และเป็นธนาคารใหญ่ที่มีโอกาสเติบโตได้ดีเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่วน TISCO มองว่ายังมี yield อยู่ในระดับสูงราว 5-6%!!

อินเด็กซ์ 51