ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 พ.ค.64 ปิดที่ 1,549.22 จุด ลดลง33.91จุดมีมูลค่าการซื้อขาย 127,109.24 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 10,475.57 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 126 บาท ลบ 6 บาท,PTT ปิด 39.50 บาท ลบ 0.50 บาท, AOT ปิด 60 บาท ลบ 2 บาท,CPALL ปิด 60.25 บาท ลบ 2.25 บาท, SCB ปิด 100 บาท ลบ 5 บาท

บล.ทรีนีตี้ฟันธง 7 ปัจจัยหนุนทำให้ปีนี้ไม่เกิดปรากฏการณ์ “Sell in May” แนะธีมลงทุนเดือน พ.ค.เน้นกลุ่มอิงโภคภัณฑ์-ส่งออกและยังได้ปรับเพิ่มมูลค่าที่เหมาะสมของ SET Index ขึ้น 50 จุดจากเดิมที่1,550 จุด เป็น 1,600 จุด ตามการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่งผลให้เดือน พ.ค.ประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,550-1,650จุด

โดยมี 7 ปัจจัยหนุนที่ทำให้ตลาดเดือน พ.คไม่เกิดปรากฏการณ์ Sell in May เหมือนกับอดีต ดังนี้
1.การปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ บจ.ที่เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นภายหลังงบไตรมาส 1 ปี 64 โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจภายนอก เช่น AUTO, AGRI, PETRO, CONMAT ดีขึ้น
2.สภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ทำให้มีการโยกเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น
3.การขายหุ้นของนักลงทุนสถาบันเดือนนี้น่าจะเบาบางลง
4.การถือครองหุ้นไทยของต่างชาติที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 26.5% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.-ต.ค.ปีก่อน แม้ไม่ได้คาดหวังว่าจะกลับเข้ามาซื้อสุทธิ
5.ความกังวลต่อปัจจัย Covid-19 ในประเทศที่น่าจะเริ่มบรรเทาลง หลังภาครัฐมีการยกระดับมาตรการคุมเข้มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป
6.สภาพคล่องภายนอกยังอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพิ่มอัตราเร่งในการเข้าซื้อสินทรัพย์นับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. และไม่คิดว่าไตรมาส 2 จะมีข่าวร้ายออกมาจากฝั่งผู้กำหนดนโยบายการเงิน ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย Operation twist หรือ QE Tapering ของFed เป็นต้น
7.โอกาสที่ Bond yield สหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นแบบก้าวกระโดดมีน้อยลง

แนะกลยุทธ์ลงทุนเดือน พ.ค.คาดหุ้นในกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจภายนอกทั้งกลุ่มโภคภัณฑ์และส่งออก มีโอกาสปรับตัวแข็งแกร่งกว่ากลุ่มที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภายใน โดยทรีนีตี้แบ่งธีมการลงทุน 5 กลุ่มดังนี้
1.กลุ่มปิโตรเคมี เลือก IVL, PTTGC, SCC
2.กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมส่งออก เลือกAH,SAT, SMT
3.กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรส่งออก เลือก ASIAN,NRF,XO
4.กลุ่ม Logistics เลือก III, JWD, LEO, NYT, SONIC,WICE และ
5.กลุ่มที่คาดว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET 50 ในรอบถัดไป ได้แก่ IRPC, STA, STGT!!

อินเด็กซ์ 51