April 20, 2024   4:26:34 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SINGHAวัฏจักรขาขึ้น รองรับแรงเก็งกำไร..!
 

P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
วันที่: 25/10/2005 @ 14:29:46
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สิงห์พาราเทค เก็งกำไรแน่น ประเมินพื้นฐานยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร สมจิตร โบว์เสรีวงศ์ ระบุช่วงไตรมาส 3-4 เป็นวัฏจักรขาขึ้นของธุรกิจ จากคำสั่งซื้อเข้ามามาก โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ ลั่นตลาดยังขยายตัวสูง มั่นใจคงอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15-20% ในทุกๆปี พร้อมยืนยันการซื้อหุ้นของผู้บริหาร เป็นการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเท่านั้น ส่วนแรงเก็งกำไรหุ้นในช่วงนี้ มาจากศักยภาพการเติบโตที่ดีในอนาคต

นายสมจิตร โบว์เสรีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ พาราเทค จำกัด (มหาชน) หรือ SINGHA เปิดเผยว่า วัฏจักรธุรกิจของบริษัท จะมีการปรับตัวขึ้นสูงสุดประมาณในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของทุกปี โดยยอดคำสั่งซื้อสินค้าส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าต่างประเทศประมาณ 80% ของยอดคำสั่งซื้อสินค้าทั้งหมด

สำหรับอัตราการเติบโตรายได้ ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 15-20% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยบริษัทจะรักษาระดับการเติบโตของรายได้ที่ระดับนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะยังคงเน้นการส่งออกต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น สำหรับตลาดในประเทศหากมีการเติบโตน้อย บริษัทสามารถโอนสัดส่วนการขายที่มีอยู่ในประเทศประมาณ 20% ไปขายในต่างประเทศได้

ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทจะมีการปรับสัดส่วนการขายโดยส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากมองว่าสินค้าของบริษัทในต่างประเทศนั้น มีตลาดรองรับอยู่แล้ว ทั้งในประเทศอเมริกา ยุโรป ล้วนแต่เป็นลูกค้าเดิมของบริษัทเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้านแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆนั้น ขณะนี้บริษัทเพิ่งผลิตออกมาเมื่อต้นปีที่ผ่าน 2 ตัว คือ ไม้ปูพื้น 2 ชั้น และไม้ปูพื้น 3 ชั้น อยู่ระหว่างทำการตลาดอยู่ คาดว่าคงต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ปีจะติดตลาด

นายสมจิตร กล่าวถึง ผลกระทบจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของบริษัทโดยเฉพาะค่าขนส่งประมาณ 1-2% เท่านั้น มองว่าสัดส่วนดังกล่าวถือว่า เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ขณะนี้จึงยังไม่จำเป็นต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้า แต่หากจะมีการปรับ จะต้องมีการตรวจสอบถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการปรับขึ้น และถ้าหากเหตุผลในการปรับราคาเพิ่มไม่เพียงพอก็จะไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ เพราะบริษัทมีสัดส่วนการขายของบริษัทส่วนใหญ่จะส่งออก

ส่วนภาวะอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศในปี 2549 มองว่า จะยังคงมีทิศทางไปในทางที่ดีอยู่ แม้ว่าจะมีการชะลอกำลังซื้อไปบ้าง แต่ในส่วนของบริษัทมองว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าว เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นลูกค้าในระดับกลาง และสูง ซึ่งมองว่ากลุ่มนี้ยังคงมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบในระดับลูกค้าระดับล่าง แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศมองว่าจะยังอยุ่ในระดับที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาในประเทศอเมริกาที่มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร ส่วนในยุโรปมองว่ามีบ้าง แต่จะอยู่ในลักษณะที่น้อยมาก ซึ่งเมื่อเฉลี่ยแล้วถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี

นายสมจิตร กล่าวถึงกรณี การเข้ามาเก็งกำไรหุ้น SINGHA ของนักลงทุน ในช่วงนี้ ว่า นักลงทุนคงจะพิจารณาจากพื้นฐานของบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทมีศักยภาพที่จะเติบโตที่ดี ส่วนกรณีทั้งนี้ที่ตนเอง ได้เข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทว่า เป็นการซื้อเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้น ไม่ได้เป็นการเล่นเพื่อเก็งกำไร เพราะในบางครั้งการที่ผู้บริหารเข้ามาซื้อหุ้นก็ใช่ว่าจะมีกำไรเสมอไป อาจจะขาดทุนเสียด้วยซ้ำ

ชี้แนวโน้มยอดขายกำไรโตพุ่ง

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS เปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของยอดขายและกำไรของ SINGHA ในปี 2548 คาดว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 81% และ 84.5% จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตไม้ปูพื้นสำเร็จรูป 1.8 ล้าน ตร.ม./ปี เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 4 - 5 แสน ตร.ม. ในสินค้าไม้ปูพื้น 2 ชั้น ซึ่งบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตใหม่ประมาณปลายไตรมาส 3 ขณะเดียวกันบริษัทประเมินว่าจากกำลังการผลิตเต็มที่ในปัจจุบัน ส่งผลให้มียอดขายต่อปีประมาณ 2 พันล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทเพิ่งเริ่มกำลังการผลิตส่วนขยายในปลายไตรมาส 3/48 จึงประเมินว่าในปี 2548 SINGHA จะมียอดขาย 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 81% และมีกำไรสุทธิ 246.8 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 84.5%

ส่วนทิศทางในการขยายกำลังการผลิตนั้นมองว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการก่อสร้างโรงงานประมาณ 1 - 1.5 ปี จากเดิมที่ SINGHA ใช้กำลังการผลิตเต็มที่แล้ว ในขณะที่ความต้องการจากลูกค้าต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการพิจารณาขยายกำลังการผลิต แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งหากมีการขยาย ต้องมีขนาดใกล้เคียงปัจจุบันคือ 1.0 ล้าน ตร.ม./ปี จึงจะมี Economy of scale แต่เนื่องจากยังไม่มีข้อสรุป บริษัทจึงไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ แม้ว่าบริษัทจะขยายกำลังการผลิต ซึ่งส่วนนี้ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างโรงงานประมาณ 1 - 1.5 ปี เป็นอย่างเร็ว ซึ่งโรงงานปัจจุบันใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี ซึ่งถือว่าเร็วมากแล้ว ดังนั้น หากบริษัทขยายกำลังการผลิตจริง รายได้จากส่วนขยายก็จะเข้ามาประมาณกลางปี 2550 เป็นต้นไป โดยกำลังการผลิตขนาด 1.0 ล้าน ตร.ม./ปี จะคิดเป็นยอดขายประมาณ 1.2 พันล้านบาท

ด้านแหล่งของเงินลงทุนใหม่ หากมีการขยายกำลังการผลิต น่าจะมาจากการกู้และกำไรของบริษัท คาดว่าการขยายกำลังการผลิตในระดับ 1 ล้าน ตร.ม./ปี จะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 - 400 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าบริษัทสามารถหาได้จากกำไรจากการดำเนินงานและการกู้จากสถาบันการเงินในประเทศบางส่วน โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะปัจจุบัน SINGHA มี EBITDA ปีละประมาณเกือบ 300 ล้านบาท และมี D/E 0.9 เท่า และจะพยายามรักษาไม่ให้ D/E สูงเกิน 1.1 เท่า ซึ่งหมายความว่า SINGHA มีความสามารถในการกู้ยืมได้อีกประมาณ 200 ล้านบาท โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปัจจุบันที่บริษัทสามารถกู้ได้อยู่ที่ระดับประมาณ 2.8% - 3.7% จะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 40% - 50% หรือคิดเป็น 2% - 2.5% ของต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำจนไม่เป็นภาระกับบริษัท

นอกจากนี้คาดว่ากำไรในปี 2549 เพิ่มขึ้น 19.5% สำหรับประมาณการผลประกอบการปี 2549 ที่บริษัทจะมีกำลังการผลิต 1.8 ล้าน ตร.ม. เต็มปี อีกทั้งคาดว่ายอดขายของ SINGHA จะเพิ่มขึ้น 23.5% และมีกำไรสุทธิ 294.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% และหากคำนวณราคาที่เหมาะสมสำหรับปี 2549 โดยใช้ PE 12.0 เท่า จะได้เท่ากับ 11.10 บาท/หุ้น

ที่มา:
ข่าวหุ้น

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 25/10/2005 @ 23:40:31 : re: SINGHAวัฏจักรขาขึ้น รองรับแรงเก็งกำไร..!
.0002 หุ้นอะไร ทำไม มันปิดได้ทุเรศขนาดนี้ .0004
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com