April 20, 2024   12:31:47 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ไทยเบฟเวอเรจลั่นเข้าตลาดหุ้นไทย ตลท.เตือนระวังซื้อขายบจ.ใน
 

P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
วันที่: 26/10/2005 @ 13:57:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ไทยเบฟเวอเรจ ยืนยันขอต้องการจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ กิตติรัตน์ ชี้ขึ้นอยู่กับมติ ก.ล.ต. ขณะเดียวกัน เตือนนักลงทุนใช้ความระมัดระวังการลงทุนหุ้นในหมวดฟื้นฟูกิจการ โดยให้ติดตามงบไตรมาส 3 ประกอบการตัดสินใจลงทุน

นายเกษมสันต์ วีระกุล ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีแผนหันไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้ว่ากระแสการคัดค้านการนำหุ้นเบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่ต่อเนื่อง โดยเจตนารมณ์ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานบริษัท ต้องการให้ไทยเบฟเวอเรจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอย่างกับการตัดสินใจของทางการว่าจะอนุญาตให้บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาบริษัทชี้แจงข้อมูลและเหตุผลในการเข้า ตลท. ต่อสังคมน้อยเกินไป จากนี้จะเน้นการให้ข้อมูลมากขึ้น โดยยืนยันว่าวัตถุประสงค์ในการเข้า ตลท. เพื่อระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาแม้บริษัทจะมียอดขายปีละเกือบ 100,000 ล้านบาท และมีกำไรปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับบริษัทที่ทำธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในต่างประเทศแล้ว เรายังถือว่ามีขนาดเล็กมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระดมทุนไปขยายธุรกิจเพื่อสู่กับคู่แข่ง ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องการตลาด และการตั้งโรงงานผลิตในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ใกล้กับตลาดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นอกจากนี้ การเป็นบริษัทจดทะเบียน จะทำให้ความน่าเชื่อถือในการเจรจากับคู่ค้าต่างประเทศมีมากขึ้นด้วย เพราะคู่ค้าจะรู้ดีว่าการเป็นบริษัทจดทะเบียน จะต้องมีการบริหารงาน และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสตามที่ ตลท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดไว้ ขณะเดียวกัน การเข้าจดทะเบียนใน ตลท. จะทำให้การออกตราสารหนี้ทำได้ง่าย และได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย

นายเกษมสันต์ กล่าวถึงข้ออ้างของกลุ่มผู้คัดค้านที่ระบุว่า หากบริษัทเข้าระดมทุนใน ตลท. จะทำให้บริษัทมีเงินไปทำโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น และทำให้คนติดแอลกอฮอล์มากขึ้น ว่า ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ 18,000 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณในการโฆษณาแต่ละปีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาทเท่านั้น หากบริษัทต้องการใช้งบโฆษณาเพิ่มก็สามารถดำเนินการได้ทันทีไม่เกี่ยวกับเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ขณะเดียวกัน จากข้อมูลในต่างประเทศอย่าง สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย ที่มีธุรกิจแอลกอฮอล์จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น พบว่าปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะทางการและผู้ผลิตแอลกอฮอล์มีการร่วมมือกันให้ประชาชนดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม

ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงประเด็นเรื่องของเบียร์ช้างที่จะนำหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า การที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีข้อสรุปว่าจะรับหรือไม่รับเบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวนั้นคงจะต้องต้องเรื่องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของก.ล.ต. ว่าจะมีมติพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากมีผลสรุปออกมาเป็นอย่างไร ทางตลาดทรัพย์ฯ ก็จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามมตินั้น และขอยืนยันว่าจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของบุคคลส่วนน้อย

นายกิตติรัตน์ กล่าวถึงเรื่องของการจัดงาน SET IN THE CITY ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พ.ย. ว่า ทาง ตลท. ได้รับความร่วมมือจากทางบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ตสล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และหน่วยงานต่าง ๆ โดยในปีนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ได้ทุ่มงบประมาณการจัดงานในครั้งนี้ประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งถือว่าปีนี้เป็นปีที่ทาง ตลาดหลักทรัพย์ได้ทุ่มงบประมาณมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การจัดงาน SET IN THE CITY ในครั้งนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนิสิต นักศึกษา ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะมีนิสิต นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เข้าร่วมนี้ไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นคน

นอกจากนี้ รายงานข่าวจาก ตลท. แจ้งว่า ตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ได้กำหนดมาตรการดำเนินการกรณีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในหมวดฟื้นฟูกิจการ (รีแฮปโก้) หาก บจ. ไม่สามารถดำเนินการให้พ้นเหตุเพิกถอนและย้ายกลับสู่หมวดปกติได้ภายในเดือน มี.ค. 2549 ซึ่งขณะนี้ใกล้ถึงเวลาดังกล่าวแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนโปรดใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โดยศึกษาข้อมูลของบริษัทในหมวดรีแฮปโก้ และติดตามการนำส่งงบการเงินสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2548 ที่จะครบกำหนดนำส่งภายในวันที่ 14 พ.ย. 2548 ก่อนตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีการซื้อขายในหมวดรีแฮปโก้ เนื่องจากบริษัทดังกล่าวอาจเข้าข่ายถูกสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ได้

ที่มา:
ข่าวหุ้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com