April 25, 2024   11:46:26 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > PRINเล่นแค่เก็งกำไรวันนี้ปริ่มจอง
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 07/11/2005 @ 08:55:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกเกอร์ชี้หุ้น PRIN ยืนเหนือจอง 2.80 บาทแน่ พร้อมแนะเก็งกำไร ณ ราคาจองซื้อเหตุมี P/E ต่ำเพียง 6.2 เท่า เมื่อเทียบกับการขยายตัวของบริษัท แถมมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และทั้งปี 48 อาจฟันกำไร 301 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าโกย 344 ล้านบาทย้ำราคาปัจจัยในระยะสั้นมีสิทธิอยู่ที่ 3.2 บาท
วันนี้(7พ.ย)หุ้นบริษัท ปริญสิริ จำกัด(มหาชน)หรือ PRIN จะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เป็นวันแรก โดยได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนจำนวน 155 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.80 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้นักวิเคราะห์หลายราย เชื่อว่าราคาหุ้น PRIN จะสามารถยืนเหนือจองได้อย่างแน่นอน แต่คงต้องรอดูภาวะตลาดหุ้นในวันดังกล่าวอีกครั้ง
นักวเคราะห์รายหนึ่งประเมินว่า แนะเก็งกำไรหุ้น PRIN ณ ราคาจองซื้อ เพราะหุ้นมี P/E ปี 48 อยู่ที่ 6.2 เท่า ส่วนปีหน้าอยู่ที่ระดับ 5.4 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับแนวโน้มการขยายตัวของบริษัทประกอบกับบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมากหลังขายหุ้น IPO แล้วเสร็จรวมถึงโครงการของบริษัทได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีทั้งนี้เห็นได้จากยอดรับรู้รายได้ไตรมาส 2 และ 3 ปี 48 ที่เพิ่มขึ้น 900-1,000 ล้านบาทจากไตรมาส 1/48 ที่อยู่ในระดับ 215 ล้านบาท
นอกจากนี้เชื่อว่าทั้งปี 48 บริษัทอาจมีกำไรสุทธิประมาณ 301 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 64%และปี 49 ประมาณ 344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ตามการขยายตัวของยอดรับรู้รายได้และจาก BACKLOG ที่รอรับรู้ รวมถึงการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากในปี 49 ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวระดับกลางและทาวน์เฮ้าส์ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการต่อเนื่อง ประกอบกับในปี48 บริษัทอาจจ่ายเงินปันผล 0.18 บาทต่อหุ้นและอาจให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 6.4% จากราคาจอง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายจ่ายเงินปันผล 40 ของกำไรสุทธิ
เชื่อว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานระยะสั้นจะอยู่ที่ 3.2 บาท และระยะยาว 3.6 บาทโดยอ้างอิงจาก P/E ของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไม่รวมของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์จำกัด(มหาชน) หรือ LH ที่ 7 เท่านักวิเคราะห์กล่าว
นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน)หรือ PRIN เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ในช่วงคึกคักไม่ซบเซาเหมือนเมื่อก่อน เพราะความวิตกของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยลบส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นลดลง ซึ่งเห็นได้จากดัชนีฯและปริมาณการซื้อขายที่เริ่มสูงขึ้น
ส่วนตัวมั่นใจว่าในปี 48 บริษัทอาจมียอดขาย 4,000 ล้านบาทและมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 2,300 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3/48 บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 3,000ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้แล้ว 1,247 ล้านบาท ขณะที่ในปีหน้าบริษัทมีแผนขยายโครงการใหม่เพิ่มอีกประมาณ 8-9 โครงการจากปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนที่ถือหุ้น PRINได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน และถือเป็นอีกทางเลือกใหม่
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปใช้ในการขยายโครงการเพิ่มขึ้นโดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการซื้อบ้านระดับบนและระดับกลาง จากการสำรวจพบว่ายังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก โดยปี 48 บริษัทเปิดขายแล้ว 12 โครงการนางสาวสิริลักษณ์กล่าว
ด้านนางศรีพร สุทธิพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ อินเทล วิชั่นจำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน PRIN เปิดเผยว่า ในระยะนี้การลงทุนในตลาดหุ้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะนักลงทุนในและต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาซื้อขายหุ้นแล้ว หลังจากตลาดหุ้นรับข่าวที่มีผลกระทบการลงทุนไปมากแล้ว

ที่มา นสพ. ข่าวหุ้น[/color:d6d20d22ef">

 กลับขึ้นบน
อาฟง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
#1 วันที่: 07/11/2005 @ 08:59:05 : re: PRINเล่นแค่เก็งกำไรวันนี้ปริ่มจอง
PRIN หุ้นดีพี/อีต่ำ [/color:e8baefdd6f">

การนำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังชะลอตัว น่าจะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของทีมงานผู้บริหาร PRIN แม้ว่าก่อนหน้านี้ บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จะประสบความสำเร็จด้วยการที่หุ้นยืนเหนือราคาจองได้ก็ตาม
วันนี้จึงถือเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของ บริษัท ปริญสิริ จำกัด(มหาชน)หรือ PRINน้องใหม่รายที่ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันนี้(7พ.ย.) เป็นวันแรก โดยทีมงานผู้บริหารได้หยิบยกเอาเรื่องปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯที่อยู่ในช่วงของการเติบโตสวนกระแสของภาวะอุตสาหกรรม รวมถึงราคาจองซื้อหุ้นไอพีโอ 2.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีพีอีประมาณ 5.6 เท่า ในขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เฉลี่ย 11-12 เท่า มาเป็นจุดขาย
สำหรับคุณสมบัติของหุ้นไอพีโอที่สามารถเหนือจอง และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนประกอบด้วย 2 ประการ คือ 1.ปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งหมายถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
2. ราคาจองที่มีส่วนลดก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หุ้นไม่ต่ำจอง (ถ้าไม่มีภาวะตลาดมาเกี่ยวข้อง)
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ มั่นใจว่า จุดแข็งของบริษัทฯทางด้านฐานะการเงิน และราคาหุ้นที่ต่ำจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาหุ้นขึ้นได้ รวมทั้งการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ให้มีการตอบรับจากสังคม และมีพื้นที่ใช้สอย รูปแบบการ พัฒนาโครงการที่แตกต่างกว่าโครงการอื่น
รวมถึงการใช้วัสดุในการก่อสร้างที่เหมาะสมกับราคา มีความสมเหตุสมผล ซึ่งจะมีมูลค่าเพิ่มต่อไปในอนาคต เมื่อทำเลโครงการอยู่ในติดถนนใหญ่ แต่ถ้าเป็นโครงการที่อยู่ในซอยจะอยู่ไม่ลึก โดยโครงการจะตั้งอยู่ในทำเลที่มีแหล่งสาธารณูปโภค อาทิ ห้างสรรพสินค้าโรงพยาบาล โรงเรียน ซึ่งจะอยู่ทาง เทพารักษ์(โซนตะวันออก) และแถบสาธร- พระราม 2(โซนตะวันตก) รวมถึงโซนเอกมัย-รามอินทรา รวมทั้งหมด 13โครงการ มูลค่า 4พันล้านบาท
นอกจากนี้ การให้ความสำคัญที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่นของโครงการ รวมถึงใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสมกับราคาแก่ผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนด้านหนึ่ง ที่ทำให้ยากต่อการสรรหาวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ รวมถึงการออกแบบตามความต้องการของผู้บริโภค ทำให้การทำงานของบริษัทฯเป็นไปได้ยากมากขึ้น เนื่องจากต้องใช้เวลาที่นานขึ้นกว่าปกติ
ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการแก้จุดอ่อนดังกล่าว โดยการหาทีมงานบุคคลากรที่มีความสามารถเข้ามาเสริมมากกว่า แทนที่จะปล่อยผ่านไป
ในขณะเดียวกันตัวบริษัทได้มองเห็นโอกาส ในการขยายตัวทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องหลังเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ใหญ่มาก จึงสามารถขยายโครงการในทำเลต่างๆได้เพิ่มมากขึ้น อาทิ ย่านรังสิต บางบัวทอง หรืออื่นๆ ที่ยังไม่ไปก็สามารถที่จะทำได้
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายโครงการไปยังทำเลอื่นๆ ที่ยังไม่เคยไป แต่เมื่อพูดถึงพื้นที่ดินเปล่าสำหรับการพัฒนาโครงการนั้น บริษัทฯยังไม่นิยมที่จะซื้อที่ดินเปล่าเก็บไว้ เนื่องจากจะเป็นต้นทุนสูงที่บริษัทนจะต้องแบกรับเอา รวมถึงเป็นความเสี่ยง และอาจจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนซื้อที่ดินเปล่าเก็บไว้ก่อน นางสาวสิริลักษณ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัทฯได้ที่ดินมาแล้ว ในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน บริษัทฯพร้อมที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นโครงการทันที และไม่นิยมที่จะซื้อที่ดินเก็บไว้แล้วอีก 2 ปีค่อยพัฒนาส่วนอุปสรรคของตัวบริษัทฯ ตอนนี้เป็นเรื่องการขยายตัวที่ค่อนข้างเร็ว ทำให้การหาบุคคลกรที่มีความสามารถเข้ามาเสริม อาจจะไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้
รวมทั้งขณะนี้บริษัทฯได้สร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บุคคลภายนอกที่มีความสามารถหรือบุคคลที่บริษัทฯหมายตาไว้ได้เห็นศักยภาพการเติบโตที่จะมีในอนาคตอยากเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานของบริษัทฯ
ทั้งนี้สิ่งที่บริษัทฯไม่สามารถควบคุมได้ คือ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้น จากภาวะราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงเศรษฐกิจของโลก เงินเฟ้อ แต่บริษัทฯก็พยายามหาทางป้องกัน โดยการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของบริษัทฯลง เพื่อที่จะให้การบริหารงานมีความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น
นางสาวสิริลักษณ์ กล่าวย้ำอีกว่า ปัจจุบันปริญสิริ เป็นบริษัทฯพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงการเจริญเติบโต โดยสังเกตได้จากการรับรู้รายได้ในปีที่ผ่านมา จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯมีนโยบายการพัฒนาบ้านคุณภาพให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไว้วางใจ และเลือกซื้อบ้านของปริญสิริ ทำให้แง่การขยายตัวการเปิดโครงการใหม่ มีโอกาสมากในหลายๆ โครงการที่มีอยู่ในตลาด รวมถึงการตั้งราคาที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่บริษัทฯให้กับลูกค้ามากที่สุด
ปริญสิริถือเป็นบริษัทสตาร์ (star) และดาวเด่นที่อยู่ในช่วงการเจริญเติบโต ซึ่งจะสังเกตการรับรู้รายได้ในปีที่ผ่านมา จะเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นหลัก 100-200 % ซึ่งในปีนี้อัตราการเติบโตก็จะไม่ต่ำกว่า 50 % ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูง เมื่อเทียบกับภาวะอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงชะลอตัว รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และเป็นการโตแบบสวนภาวะอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ เมื่อบริษัทฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราผลตอบแทนที่จะสะท้อนกลับไปหานักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทฯจะมีสัดส่วนที่สูงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าในแง่ของแคปปิตอลเกน กำไรต่อหุ้น รวมถึงการจ่ายเงินปันผล
เหตุที่กล่าวเช่นนั้นเพราะ ในเมื่อบริษัทฯมีอัตราการเติบโตที่สูง ทำให้กำไรสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อราคาหุ้นในกระดาน และจะทำให้นักลงทุนได้รับแคปปิตอลจากการขยายตัวของบริษัทฯ
โบรกเชื่อพื้นฐานดี
ด้านบล.กิมเอ็ง ประเมินว่า บมจ. ปริญสิริ ยังมียอดขายที่ยังไม่รับรู้ ณ สิ้นไตรมาส3/48 ยอดขายที่ยังไม่รับรู้เพิ่มขึ้นเป็น 1.88 พันล้านบาท คิดเป็น 85% ของประมาณการรายได้ทั้งปี 2548 จากยอดขายซึ่งยังไม่รับรู้จำนวนมาก
อีกทั้งอัตรากำไรที่ดีขึ้น คาดว่าผลประกอบการของ PRIN จะเติบโต 65% ในปีนี้เป็น302 ล้านบาท หรือ 0.45 บาท/หุ้น คิดจากอัตราการจ่ายปันผลที่ 40% ของกำไรสุทธิ เราคาดว่า PRIN จะจ่ายปันผล 0.18 บาท/หุ้น สำหรับผลประกอบการปี 2548 คิดเป็นอัตราเงินปันผลที่ 4.6% ณ ราคาที่เหมาะสม
โดยฝ่ายวิเคราะห์ คิดราคาที่เหมาะสมของ PRIN ได้ที่ 3.9 บาท/หุ้น คิดจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดโดยใช้อัตราคิดลดที่ 11.8% ณ ราคาที่เหมาะสม PRIN จะซื้อขายที่ PER 8.6 เท่าสำหรับปี 2548 และ 6.3 เท่า สำหรับปี 2549
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิปี 2548 เท่ากับ 301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% และปี 2549 กำไรสุทธิเท่ากับ 344 ล้านบาท เติบโต 14% ตามการขยายตัวของยอดรับรู้รายได้จาก backlog ที่รอรับรู้และการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากในปี 2549 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวระดับกลาง และทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการอยู่
รวมทั้งคาดว่าปี 2548 จะให้ตอบแทนเงินปันผล 6.4 % จากราคาจองเป็นไปตามนโยบายปันผล 40% ของกำไรสุทธิ และประมาณการกำไรที่ทำไว้ คาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผล 0.18 บาท ต่อหุ้น นับว่าให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับที่ดี
ฝ่ายวิเคราะห์ให้ราคาพื้นฐานหุ้นPRIN ในระยะสั้นอยู่ที่ 3.2 บาท และระยะยาวที่3.6 บาท โดยอ้างอิงP/E เฉลี่ยของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์(ไม่รวม LH )ที่ 7 เท่า
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com