การเสนอขายไอพีโอในเดือนนี้ของกฟฝ.(EGAT) สำหรับนักลงทุนสถาบันหลายๆรายต้องการเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่น่าจะเป็นไอพีโอครั้งประวัติศาสตร์สำหรับประเทศไทย แม้ว่าในระยะยาว มันอาจจะไม่ง่ายสำหรับผู้ถือหุ้นที่จะยังคงมีความหวังเกี่ยวกับบริการสาธารณะนี้
ขณะนี้รัฐบาลจะไม่ถือหุ้นกฟฝ.ทั้งหมดอีกต่อไป ความเสี่ยงของการแทรกแซงจากรัฐในการกำหนดราคาไฟฟ้า อาจจะมีผลต่อราคาหุ้นของบริษัท
ไอพีโอของผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่สุดของไทยกำลังสร้างความตื่นเต้นหลังจากที่ล่าช้าเพราะการคัดค้านทางการเมืองเมื่อปี 2547
นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนคาดว่า หุ้นจะได้รับความสนใจเป็นอันมากจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังคาดว่ามันจะช่วยกระตุ้นปริมาณการซื้อขายและราคาตลาดในช่วงท้ายของปี 2549 และหุ้นEGATจะเป็นหนึ่งใน 5 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดเมื่อวัดจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
นักลงทุนสถาบันใดๆก็ตามที่มีการลงทุนในประเทศไทย จะต้องมีหุ้นEGATในพอร์ตเนื่องจากมันมีขนาดใหญ่และช่วยหนุนตลาด อมฤต สุขวานิช หัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าว
จะมีการกำหนดราคาหุ้น EGAT ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วง 25-28 บาท ซึ่งจะทำให้หุ้นมีมูลค่าเกือบ 35,000 ล้านบาท
นักวิเคราะห์โดยทั่วไปชอบแนวโน้มในระยะสั้นของหุ้นEGAT และคาดว่าราคาไอพีโออยู่ที่ประมาณ 9 เท่าของรายได้ที่คาดการณืไว้สำหรับปี 2549 ซึ่งพอๆกับผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่นๆในท้องถิ่น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า อิทธิพลของEGATที่เป็นเจ้าของไฟฟ้าและมีความสัมพันธ์กับรัฐอาจช่วยให้มันมีผลงานดีกว่าบริษัทเอกชน กระทรวงการคลังจะยังคงถือหุ้น 75% หลังมีการขายหุ้น
EGAT ควรจะได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่า จีดีพีจะโต 4.25-4.75% ในปีนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวหลังสึนามิและภาคเกษตรดีขึ้น นอกจากนี้แผนการใช้จ่าย 1.8 ล้านล้านบาทไปกับโครงการสาธารณูปโภคใน4 ปีข้างหน้าควรจะทำให้ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อไป
นอกจากแนวโน้มหุ้นด้วยตัวของมันเองแล้ว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า ตลาดไทยพร้อมที่จะฟื้นตัวหลังจากที่มีการเทขายของนักลงทุนดยเฉพาะกองทุนต่างชาติเพื่อทำให้พอร์ตว่างสำหรับหุ้นEGAT
EGAT ประเมินว่า ความต้องการไฟฟ้าในประเทศจะโตเฉลี่ย 7.2% ต่อปี ตั้งแต่ขณะนี้จนถึง ปี 2553 ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตในช่วงปี 2544 และ 2547 และในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา รัฐบาลให้สิทธิ์ 50% แก่ EGATผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 10,600 เมกะวัตต์ในช่วงปี2554-2558
เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์บีฟิท กล่าวว่า EGATยังคงเป็นการลงทุนที่ดีในระยะยาวเนื่องจากมีลักษณะการทำงานที่มีการตั้งรับ
แต่การที่มีรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวพันมากนั้นสร้างความกังวลให้กับผู้สังเกตการณ์บางคนโดยเฉพาะในระยะยาว การที่กระทรวงการคลังยังคงถือหุ้นใหญ่ทำให้การบริหารของบริษัทมีความเปราะบางต่อการแทรกแซงทางการเมือง และยังไม่มีคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในขณะที่รัฐบาลสัญญาว่าจะหยุดให้กฟฝ.รับภาระต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น แต่ความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่องนี้มีน้อย รัฐบาลบริหารเพื่อลดภาระของกฟฝ.ในการปรับราคาน้ำมันด้วยการเปลี่ยนไปให้ปตท.และซัพพลายเออร์แก๊สจากอ่าวไทยรับแทน
ปัญหาในระยะยาวอีกเรื่องหนึ่งสำหรับหุ้นEGAT คืออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และมันอาจกระทบต่อการกำหนดราคาไฟฟ้า
ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้จัดการกองทุนกล่าวว่า พวกเขาก็จะร่วมถือไอพีโอ EGAT แม้ว่าไม่รู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต
(เรียบเรียงจาก วอลสตรีท เจอร์นัล เอเชีย)

.0005 .0005