รักจะซื้อหุ้นไอพีโอ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ต้องใจกล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ขาย75 ล้านหุ้น แต่ส่วนของพนักงานและผู้บริหารไม่มีไซเลนต์ พีเรียด จำนวน 26.67%ขาย 6.20 บาท โชว์ราคาต่ำเทียบปัจจัยพื้นฐาน มั่นใจอนาคตใสรายได้เพิ่มหลังผนึกแบงก์เอเชีย เสริมฐานลูกค้าพุ่ง ปันผล 20% ของกำไรสุทธิ
นายชัยพัชร์ นครมณฑนาคุ้ม ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า หุ้นใหม่ที่จะเสนอขายให้กับผู้บริหารและพนักงานจำนวนประมาณ 20 ล้านหุ้น จะไม่กำหนดไซเลนต์พีเรียด
โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 75 ล้านหุ้นแบ่งเป็นขายให้ประชาชนทั่วไป 40 % ผู้มีอุปการคุณ 33.33 % และกรรมการผู้บริหารและพนักงานของบริษัท จำนวน 26.67% ในราคาหุ้นละ 6.20 บาทเท่ากัน
นายชัยพัชร์ยืนยันว่า ถึงแม้จะไม่กำหนดไซเลนต์ พีเรียดหุ้นที่ขายให้กับผู้บริหารและพนักงาน แต่จะไม่มีส่งผลกระทบกับตัวหุ้นที่ซื้อขายวันแรก โดยเชื่อว่าจะไม่มีแรงเทขายออกมา เนื่องจากราคาขายที่ 6.20 บาทถือเป็นว่าจูงใจ เพราะพี/อีต่ำกว่าเพียง 9.7เท่าถ้าเทียบกับกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ที่พี/อีอยู่ที่ 17 เท่า ทำให้อนาคตราคายังสามารถปับเพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเพิ่มรายได้ในอนาคต โดยตั้งเป้าว่าปีหน้าจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ให้อยู่ที่ 3 % จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2.82 % และขยายฐานลูกค้าโดยการอาศัยฐานลูกค้าของธนาคารเอเชีย ซึ่งได้ควบรวมกันก่อนหน้านี้ จากการที่ธนาคารเอเชียมี 127 สาขา ในระยะเริ่มแรกทั้งสองบริษัท
นอกจากนี้จะเพิ่มจำนวนไลเซนส์ในธุรกรรมอื่นๆ จากปัจจุบันที่มีไลเซนส์จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ การจำหน่ายหลักทรัพย์ และการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจะขยายด้านตลาดอนุพันธ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการอบรมพนักงาน ซึ่งไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก เพราะมีโนว์ฮาวอยู่แล้วจากสำนักงานในต่างประเทศโดยเฉพาะสาขาที่นิวยอร์ค และลอนดอน อีกทั้งได้พยายามเพิ่มศักยภาพงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน
ส่วนเรื่องของลูกค้า ได้พยายามเพิ่มสัดส่วนของลูกค้าต่างประเทศให้มากขึ้น จากขณะนี้มีสัดส่วนอยู่ 16 % ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มเป็น 25 % ในระยะ 1-2 ปีนี้ ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้ารายย่อย 84 %
ปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี47 ซึ่งมีรายได้ 692.30ล้านบาท กำไรสุทธิ 210.86 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี48 มีรายได้ 333.49 ล้านบาท กำไร 107.07 ล้านบาทนายชัยพัชร์ กล่าว
นายชัยพัชร์ ได้กล่าวถึง จุดแข็งที่จะทำให้ หุ้นของ UOBKH ได้รับความสนใจ คือ การเป็นบริษัทในเครือของยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบในการเข้าถึงลูกค้าระหว่างประเทศได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การดำเนินธุรกิจระหว่างกลุ่มบริษัทในเครือ และขยายฐานลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุม
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ KEST กล่าวว่า ยูโอบี เคย์เฮียน จะขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น ให้แก่ประชาชนทั่วไปในระหว่างวันที่ 10-11 และ 14 พฤศจิกายน 2548 คาดว่าจะระดมทุนได้465 ล้านบาท เพื่อนำเงินในใช้ในการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ
โดยที่บริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายปันผล 20 % ของกำไรสุทธิ ซึ่งคาดว่าจะจ่ายในเดือนมีนาคมปี 2549 โดยก่อนหน้านี้ยังไม่เคยจ่าย
แหล่งข่าวกล่าวว่า ยูโอบีถือว่ามีความได้เปรียบในส่วนของการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน เนื่องจากมีบริษัทแม่ที่แข็งแกร่ง ทำให้ในเรื่องของโนว์ฮาวถือว่าได้เปรียบเพราะสามารถเชื่อมโยงกันได้ โดยปัจจุบันถือว่าเป็นโบรกฯที่มีจุดคุ้มทุนค่อนข้างต่ำเพียง 350 ล้านบาทเท่านั้น

เอากันมั้ยอ่ะ

fear
mms://202.142.200.130/ModerNine/ruk81009/256k/ruk81009D2005-11-06ID-3618.wmv