วันนี้หุ้น TPI คึกคักราคาลุ้น 15 บาท นักลงทุนขานรับสิทธิเพิ่มทุน เชื่อหลังขึ้น XR ตั้งรับ7 บาท บล.โกลเบล็ก มั่นใจนักลงทุนต่อแถวซื้อลูกหุ้นเพียบ เหตุปัจจัยพื้นฐานหลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการดีเยี่ยม ส่วนปีหน้ารายได้โตก้าวกระโดด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(11พ.ย.)หุ้นบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน)หรือ TPI คึกคักส่งท้ายก่อนขึ้น XR(14พ.ย.)หลังจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน เหตุหากมองที่ต้นทุน 15 บาทถือว่ายังพอกำไรหลังจากลูกหุ้นเข้าเชื่อว่าหุ้น TPI จะไม่ไดลูทไม่เกิน 30% เนื่องจากว่าหุ้นในส่วนของพันธมิตรใหม่กว่า 61%ยังติดไซเลนพีเรียด 2 ปี ขณะที่หุ้นกลุ่มตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ กว่า 10% ไม่น่าจะขายออกมาเพราะต้องการคงสัดส่วนของตัวเองได้
โดยนายวรุตม์ ศิวะศิริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็กจำกัด ประเมินว่าบรรยากาศการลงทุนหุ้น TPI วันนี้เชื่อว่าจะมีนักลงทุนที่ไม่ต้องการซื้อลูกหุ้น TPI เทขายออกมา ขณะเดียวกันจะมีนักลงทุนซื้อหุ้นสวนกลับเข้ามา เพราะต้องการได้รับสิทธิซื้อลูกหุ้น ดังนั้นราคาอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเบื้องต้นคาดว่าจะยืนอยู่ในระดับ 14-15 บาท ส่วนราคาหุ้นวันที่ 14 พ.ย.มีสิทธิปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 7 บาทต่อหุ้น
เชื่อว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาใช้สิทธิซื้อ TPI จำนวนมากเพราะบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ประกอบกับผลประกอบการอนาคตอาจเติบโตต่อเนื่อง หลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการและมีพันธมิตรรายใหม่เข้ามาร่วมบริหารงาน อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาส 3/48 ผลการดำเนินงานอาจเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อาจออกมาไม่ดีเท่าไตรมาส 1 และ 2/48 เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนขยับขึ้นตามไปด้วย
นายสุกรี นิติธรรมาศ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซันจำกัด (มหาชน)หรือ ASL ประเมินว่า ปริมาณการซื้อขายหุ้น TPI ในวันนี้อาจคึกคัก และราคาอาจยืนอยู่ในระดับ 14.50-15 บาท แม้จะมีนักลงทุนบางรายเทขายหุ้นออกมาเพื่อนำเงินไปซื้อลูกหุ้นเพื่อเพิ่มปริมาณหุ้นในพอร์ตก็ตาม
สำหรับราคาหุ้น TPI ในวันที่บริษัทขึ้นเครื่องหมาย XR อาจอยู่ในระดับ 7-8 บาทส่วนตัวเชื่อว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาใช้สิทธิซื้อลูกหุ้นค่อนข้างมากเพราะหลังบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้วผลการดำเนินงานปี 49 อาจมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปี48 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 10,000 ล้านบาท
รวมถึงทอาจมีมาร์เก็ตแชร์สูงถึงกว่า 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1.2แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ที่มีมาร์เก็ตแคปที่2แสนล้านบาทประกอบกับราคาหุ้น TPI อาจขยับขึ้นมายืนที่ 10-12 บาท ดังนั้นแนะนำถือลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาส 3/48 บริษัทอาจมีผลการดำเนินงานใกล้เคียงกับไตรมาส 2/48
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ขอให้กระทรวงการคลังปรับลดสัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อยใน TPI ลง เพื่อเพิ่มสัดส่วนให้กับPTT และกบข.มากขึ้นนั้น หากเป็นเรื่องจริงก็จะต้องขอคำสั่งศาลฯให้พิจารณาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่ที่ว่ารายย่อยจะใช้สิทธิเต็มสัดส่วน 20% ตามที่กำหนดไว้หรือไม่หากใช้ไม่เต็มที่หรือไม่เต็มจำนวนก็สามารถนำหุ้นที่เหลือมากระจายให้กับรายใหญ่ต่อไปได้แต่การจะดำเนินงานเช่นนั้นได้หรือไม่ต้องให้ศาลฯเป็นผู้พิจารณาเท่านั้น
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่าตามที่ตลาดหลักทรัพย์ได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ลงทุน โดยจะขึ้นเครื่องหมาย SP(Suspension)เพื่อสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่เปิดซื้อขายในหมวด REHABCOไปจนกว่าบริษัทจะพ้นเหตุเพิกถอนและย้ายกลับหมวดปกติได้ โดยพิจารณาจากงบการเงินรวมสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.48 เป็นต้นไป หากปรากฏว่าบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นภายหลังปรับปรุงความเห็นของผู้สอบบัญชีน้อยกว่าศูนย์ หรือบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิก่อนรายการพิเศษ
ทางตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาปรับปรุงในกรณีที่มีรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทนั้น ตลาดหลักทรัพย์จะประกาศขึ้นเครื่องหมาย SP สั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทดังกล่าวทันทีเมื่อบริษัทนำส่งงบการเงินและปรากฏว่าเข้าเหตุตาม1 หรือ 2 ข้างต้น โดยงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.48 จะครบกำหนดนำส่งภายในวันที่ 14 พ.ย.48
อย่างไรก็ดีการที่หุ้นในส่วนของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเดิมซึ่งมีจำนวน 5,898,911,211 หุ้น คิดเป็น 75.15% ของทุนชำระแล้ว ไม่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เนื่องจากถูกจำกัดสิทธิในการซื้อขายดังกล่าวข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรปรับราคาสูงสุดและต่ำสุดของหลักทรัพย์ TPI บนกระดานหลักในวันที่ 14 พ.ย.48 ซึ่งเป็นวันแรกของการขึ้นเครื่องหมาย XR โดยจะใช้อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในการคำนวณเพื่อหาราคาสูงสุดและต่ำสุดของหลักทรัพย์ใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวดำเนินต่อไปได้ตามสภาพความเป็นจริง

ที่มา กระแสหุ้น[/color:9d62e167b1">