April 20, 2024   4:55:25 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > MSCIปรับปรุงดัชนีฯ17พ.ย.นี้
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 14/11/2005 @ 08:29:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เชื่อค่าบาทเริ่มมีเสถียรภาพ ดึงต่างชาติกลับซื้อหุ้นอีกครั้งแน่ มองแนวโน้มแกว่งระดับ 41.30 บาทต่อดอลลาร์ ด้าน พัฒนสิน เผย MSCI จะปรับปรุงดัชนีประจำไตรมาส ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ แต่จะไม่ผลต่อตลาดหุ้นไทย นักวิเคราะห์ชี้ดัชนีแกว่งแคบๆ รอชัดเจนปัญหาหุ้น กฟผ.ชี้ขาด 15 พ.ย.
รายงานวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติว่า ในช่วงที่ผ่านมาการขายของนักลงทุนต่างประเทศ เป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยอ่อนค่าสุดที่ระดับ 41.27 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มีความผันผวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากราคาน้ำมันที่ลดลง และตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามหากค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดว่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิอีกครั้ง โดยเฉพาะหากทิศทางของตลาดฯชัดเจนขึ้นหลังจากนักลงทุนทราบผลการตัดสินของศาลปกครองเกี่ยวกับการขายหุ้น กฟผ.วันที่ 15 พ.ย. แต่หาก กฟผ.สามารถดำเนินการขายหุ้นได้ตามปกติจะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น แต่หากมีการเลื่อนออกไปก็จะส่งผลในเชิงลบต่อตลาดฯเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังการเข้ามาซื้อขายของหุ้น กฟผ.ว่าจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในช่วงปลายปีได้
สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้นสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประกาศผลการดำเนินงาน แต่ไม่ได้สร้างความคึกคักให้กับตลาดฯเหมือนในอดีต ในทางตรงข้ามนักลงทุนในประเทศส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเน้นไปที่การซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงหุ้นที่เพิ่งเข้าซื้อขายใหม่ เช่น METRO EASON แนวโน้มตลาดฯและกลยุทธ์การลงทุน คาดว่าจะยังคงเป็นไปในลักษณะแกว่งตัว โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และการปรับฐานของกลุ่มแบงก์ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศขายทำกำไร
รายงานระบุว่า ในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ MSCI จะประกาศปรับปรุงดัชนีประจำไตรมาส อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมและตลาดหุ้นไทย
ชี้ขาดกฟผ.ส่งผลต่อตลาด
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มภาวะตลาด (14พ.ย.) น่าจะซึมๆ เพราะว่าเรื่อง กฟผ.ยังไม่ยุติ ถ้าหากยุติลงด้วยดีโดยศาลปกครอง ไม่คัดค้าน จะทำให้ดัชนีกลับมาสดใสต่อได้ เพราะว่าเม็ดเงินบางส่วนได้ถูกเก็บไว้ไปซื้อหุ้น กฟผ.ด้วย
นอกจากนี้ให้ดูความเคลื่อนไหวของหุ้น TPI ว่าจะอยู่ในทิศทางไหน เพราะหมดวัน XR แล้ว หุ้น TPI เป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ ถ้ามีการเทขายออกมาก็จะกระทบดัชนีได้ ช่วงนี้หุ้นตัวใหญ่เช่นกลุ่มพลังงานก็มีแรงเทขายออกมาจากนักลงทุนต่างประเทศ เกิดจากราคาน้ำมันลดลงจึงไม่มีหุ้นที่น่าจูงใจให้ตลาดเป็นขาขึ้นได้ และไม่มีประเด็นใหม่ๆเข้ามากระทบตลาด โอกาสที่ดัชนีจะผ่าน 700 จุดขึ้นไปนั้น ยังไม่มีปัจจัย
แนะนำให้นักลงทุนควรรอดูสถานการณ์รอบข้างก่อน แต่หากนักลงทุนต่างประเทศหันกลับเข้าซื้อก็คงจะเป็นผลดี กรอบแนวรับอยู่ที่ 685-690 จุด กรอบแนวต้านอยู่ที่ 698-700 จุด
แนะเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ประเมินแนวโน้มการลงทุนต่างชาติว่า ไม่น่าจะเทขายออกมาแรง ทำให้ทิศทางยังค่อนข้างแกว่งตัวในกรอบแคบๆ คาดว่าถ้าราคาน้ำมันยังคงลดลงเรื่อยๆ อาจจะส่งผลกระทบหุ้นในกลุ่มพลังงานเพราะมีแรงขายกดต่ำลงมา อย่างไรก็ตามในช่วงนี้เป็นโอกาส ในการทยอยซื้อหุ้นสะสม ดัชนีอยู่ในแนวรับที่ 685 จุด แนวต้านที่ 695 จุด
ชี้แนวโน้มค่าเงินบาทอ่อน 41.30
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) BT ประเมินแนวโน้มตลาดเงินว่า ทางด้านค่าเงินบาท จะมีแนวโน้มใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อนจนถึงอ่อนค่าเล็กน้อย โดยคาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 41.00 - 41.30 บาท/ดอลลาร์ สาเหตุจากการที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมาอยู่ที่ 4.00% และคาดว่ายังคงปรับตัวขึ้นต่อไป ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.00% ทำให้นักลงทุนทั้งสถาบันการเงิน เฮดจ์ฟันด์ หันมาลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และถือดอลลาร์เพิ่มขึ้นเพื่อการเก็งกำไร นอกจากนี้ธนาคารกลางของเอเซียและตะวันออกกลางได้เพิ่มการถือดอลลาร์เพื่อเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามดอลลาร์อาจถูกกดดันจากยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา กระแสหุ้น[/color:2e5f1568c9">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com