April 20, 2024   10:16:22 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > MINTปีหน้ารายได้1.4หมื่นล้าน :Q4ช่วงไฮซีซั่น-ขยายแฟรนไชส์ในจ
 

P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
วันที่: 16/11/2005 @ 12:59:56
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

MINT คาดปีหน้ารายได้ 14,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้านบาท ปรารถนาระบุไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นเชื่อรายได้พุ่งจากธุรกิจโรงแรมขณะที่ไตรมาส 3 มีกำไร 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% ชี้ในปี 2548-2551 ใช้เงินลงทุน 8,000-10,100 ล้านบาท สำหรับธุรกิจอาหารและโรงแรม พร้อมขยายธุรกิจแฟรนไชน์ในจีนให้ได้มากกว่า 290สาขาภายในเวลา 5 ปี

นางปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 2549 จะมีรายได้ 13,000-14,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีหน้าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มจากการขยายสาขาสปาอีก 12 แห่งจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้วจำนวน 12 แห่ง นอกจากนี้ยังมีรายได้เพิ่มจากการโรงแรม JW มาริออต ภูเก็ต โรงแรมโฟร์ซีซั่นที่จังหวัดสมุย และจังหวัดเชียงรายสำหรับทั้งปี 2548 คาดว่าจะมีรายได้ 11,000 ล้านบาท

สำหรับไตรมาส 4/2548 เชื่อว่าจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นดังนั้นอัตราค่าที่พักจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกันส่วนไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้ 2,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 240 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกทั้งการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP แต่ธุรกิจของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร โดยในไตรมาส 3/2548 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 9.5% เพิ่มขึ้นเมื่อทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 8.4%

สำหรับแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท ช่วงปี 2548-2551 บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 8,000-10,100 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนธุรกิจอาหารประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาทและในส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจโรงแรม ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนนั้นนำมาจากผลการดำเนินงานของบริษัท

นอกจากนั้นบริษัทมีแผนที่จะขยายแฟรนไชน์ธุรกิจอาหารในประเทศจีน ให้ได้มากกว่า290 สาขาในภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งปัจจุบันในประเทศจีนมีแฟรนไชน์แล้ว 14 สาขา

ขณะเดียวกันคาดว่าจะขยายธุรกิจโรงแรม โดยการเพิ่มจำนวนห้องพักให้มากขึ้น แต่อยู่ในสถานที่เดิม โดยเป็นแผนการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศระหว่างปี 2547-2550 ทั้งนี้การเพิ่มจำนวนห้องพักดังกล่าวนั้นใช้เงินในการลงทุนไม่มาก

บริษัทเป็นผู้ให้บริการอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีจำนวนสาขาทั้งหมดกว่า 530สาขา ภายใต้แบรนด์ เดอะพิซซ่า สเวนเซ่นส์ ซิซเลอร์และเบอร์เกอร์คิง นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้นำในธุรกิจโรงแรมโดยเป็นผู้ประกอบการทั้งหมด 10 โรงแรมหรือจำนวน 2,100ห้อง ภายใต้แบรนด์ มาริออต โฟร์ซีซั่น และอนันตรา ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยและเวียดนามนอกจากนี้ปัจจุบันยังได้ร่วมทุนกับกลุ่มมาริออต อินเตอร์เนชั่นแนลในด้านธุรกิจ Time Shareที่จังหวัดภูเก็ต และยังมีธุรกิจสปาซึ่งถือได้ว่าบริษัทเป็นผู้ประกอบการที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียแปซิฟิก ด้วยจำนวนสปา ทั้งหมด 16 แห่ง ทั้งในประเทศและประเทศจีนภายใต้แบรนด์ Mandara ,The Spa และอนันตรา

ที่มา:
ข่าวหุ้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com