????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 |  วันที่: 17/02/2006 @ 18:23:45 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต เซียนหุ้นฟันธงช่วงการเมืองมาคุไม่ควรยุ่งกับหุ้นกลุ่มหลักชี้ทางเลือกนักเก็งกำไร อยากได้เงินต้องหุ้นเล็ก มีปันผล AYS เฟ้น 26 หุ้นขนาดจิ๋วราคาต่ำกว่า 5 บาท แต่ปัจจัยพื้นฐานเยี่ยม แถมมีดอกผลให้เก็บกินในช่วงใกล้ประกาศงบปี 2548 อาทิ PREB-SALEE-SMM-CMO-MIDA ส่วนนักลงทุนระยะยาวให้มอง SPL-SPALI-BANPU-PRIN-MK-LPN-PTTCH-GMMM-KTB-AP ที่คาดว่าจะให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่า 4%
แม้ว่าประเด็นความกังวลทางการเมืองจะคลี่คลายลงได้ในระดับหนึ่งหลังจากที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติไม่รับวินิจฉัยคำร้องของ 28 ส.ว. แต่อาจกล่าวได้ว่าความร้อนแรงยังไม่ได้จางหายไป ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้บรรยากาศมาคุมากยิ่งขึ้นทั้งในสภาฯและนอกสภาฯโดยในส่วนของการเมืองนอกสภาฯนั้นคงต้องจับตามองความเคลื่อนไหวของการชุมนุมวันที่ 26 ก.พ. นี้ ที่มีแนวโน้มว่าอาจมีผู้เข้าร่วมมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าการชุมนุมมีความ ปลอดภัย ไม่มีความรุนแรงหรือการทำร้ายประชาชน
ในขณะที่การเมืองในสภาฯ ก็ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของความพยายามในการยื่นถอดถอนนายกฯทักษิณ ของ ส.ว.ทั้ง 28 คนที่ยังมุ่งมั่นในการหาหลักฐานเพิ่มเติมโดยประสานความร่วมมือกับฝ่ายค้านมืออาชีพอย่างพรรคประชาธิปัตย์
ล่าสุดนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า อาจตัดสินใจยุบสภา หากมีความเห็นขัดแย้งกันในพรรคมากเกินไปทำให้การเมืองในปัจจุบันยังต้องอยู่ในภาวะอึมครึมต่อไป กดดันไปถึงภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ชอบความไม่แน่นอนและไม่เคลียร์ที่เห็นได้ชัดคือมูลค่าการซื้อขายโดยรวมที่หดหายไปอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุดดัชนีปิดตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา 17 ก.พ. 2549 ที่ระดับ 739.35 จุดเพิ่มขึ้น 4.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,853.20 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,507.27 ล้านบาท สถาบันขายสุทธิ 951.75 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,915.52 ล้านบาท
ในยามนี้นักวิเคราะห์หลายค่ายต่างแนะนำให้นักลงทุนหลบภัยในหุ้นที่มีความหวั่นไหวต่อการเมืองน้อยซึ่งก็คงหนีไม่พ้นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล ซึ่งก็เข้ากันกับบรรยากาศของการประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2548 ที่จะสิ้นสุดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ในส่วนของหุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นบลูชิพ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติก็ยังถือได้ว่าไว้วางใจไม่ได้ เพราะอาจเกิดการปรับพอร์ตได้ตลอดเวลาหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ดังนั้นหุ้นขนาดกลางและเล็กจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าจับตามอง
**AYS เฟ้น 26 หุ้นเล็ก มีปันผล ราคาสบายกระเป๋า
ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรีอยุธยา (AYS) แนะนำเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กที่มีราคาต่ำกว่า 5 บาท และราคาหุ้นต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าตามบัญชี ทั้งนี้หลักทรัพย์ที่น่าสนใจด้านเก็งกำไร ทางฝ่ายวิจัยพิจารณาจากข้อมูลการเงินในอดีต จากการเป็นบริษัทที่มีค่า PER ต่ำกว่า 10 เท่า และP/BV ต่ำกว่า 1 เท่า และหลายบริษัทฯมีการประกาศจ่ายปันผลได้แก่
บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) (PREB),บริษัทสาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)(SALEE),บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน)(SMM),บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน)(CMO),บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน)(EMC), บริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (SIAM),บริษัท สวีเดนมอเตอร์ส จำกัด (มหาชน)( SMC),บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)(TLUXE), บริษัท สยามทูยู จำกัด (มหาชน)(S2Y), บริษัท เอส. แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) (SPACK)
บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน)( MIDA),บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (LVT),บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน)( STPI) ,บริษัทมั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน)(MK),บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)(SPALI),บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน)(PRIN ) บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชียคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MLINK),บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)(SIRI)
บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS),บริษัทไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (TFD),บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)(SSI),บริษัท มิลเลนเนียม สตีล จำกัด (มหาชน)(MS),บริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) (BSBM),บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (KC),บริษัท บางปะกง เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน)(BTC) และบริษัทซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน)(SUPER)
**ลงทุนยาวต้องคัดปันผล 4% ขึ้นไป
ฝ่ายวิจัย AYS ยังคาดว่าหุ้นประเภทปันผลดีจะเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะบริษัทที่จะมีการประกาศจ่ายปันผลในปีก 1 เดือนข้างหน้า และคาดว่าจะให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่า 4% ขึ้นไป ได้แก่ บริษัท สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPL) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) บริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) บริษัทปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) บริษัทมั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) (GMMM) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) และ บริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP)
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในระยะ 1 เดือน ภายใต้แนวโน้มดัชนีตลาดฯจะมีการปรับฐานต่อเนื่อง และอาจลงลึกได้สู่ระดับ 707 จุด หลังจากที่ดัชนีไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 740 จุดได้ ส่งผลให้กลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ยังคงถือเงินสดหรือหุ้นปันผลดี หุ้นเติบโตดี เช่น HANA TICON SPL SCB AMATA CPF SPALI
** KKS แนะถือเงินสด หลบการเมืองผันผวน
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน (KKS) กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มองว่า ดัชนีฯจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบบริเวณ 725-745 จุด ซึ่งในช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีฯอาจจะยังคงเกิดเทคนิคเคิลรีบาวน์ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ส่วนในช่วงปลายสัปดาห์จะมีปัจจัยเข้ามากระทบคือปัจจัยทางการเมือง ที่จะมีการนัดชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 28 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนให้ถือเงินสด เพราะตลาดฯยังคงมีความผันผวนจากประเด็นการเมือง
ที่มา efinancethai.com[/color:bf19bba0a6">
|
