เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ วิ่งตามกระแสพันธมิตรใหม่ ดันราคาหุ้นพุ่งทำ นิวไฮ ต่อเนื่อง จับตาท่าทีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่สิงคโปร์ขายหุ้น เห็นสัญญาณ กรรมการบริหาร คนสำคัญลาออก นักวิเคราะห์เตือนเก็งกำไรระวัง เหตุพื้นฐานของ KTP เพิ่งฟื้นตัว ชี้สัญญาณระยะสั้นหุ้นพักฐาน ประเมินแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 6-7 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัทเคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KTP ว่า ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (31 ม.ค.-22 ก.พ.) จากระดับ 2.24 บาท เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมาล่าสุดพุ่งขึ้นมาซื้อขายที่ 5.65 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นต่อเนื่อง ทั้งนี้จาการสำรวจปัจจัยหนุนราคาหุ้น พบว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนเชื่อว่าจะมีพันธมิตรใหม่เข้ามาลง เนื่องจากกระแสข่าวพันธมิตรเข้ามาค่อนแรงในหุ้นกลุ่มอสังหาฯ สังเกตได้จากบมจ.ไรมอนแลนด์ ที่มีกลุ่มไทเก้น เข้ามาถือหุ้น ประมาณ 23% และเข้าถือหุ้นในบมจ.แกรนด์ แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ล่าสุดกลุ่มไทน เก้นท์ หรือ บมจ. ที.ซี.ซี จะไปลงทุนในแผ่นดินทอง เป็นต้น

ทั้งนี้ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่า บริษัทแม่จากสิงคโปร์ คือ KEPPEL LAND LIMITED ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KTP จะขายทิ้งหุ้นบริษัท เคปเปลไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) แม้จะมีการออกปฎิเสธแล้วก็ตาม แต่ล่าสุด นายเปย์ ยิว เบ็ง ลอว์เรนซ์ กรรมการบริหาร บริษัท เคปเปล แลนด์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการของบริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ KTP แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 KTP การรับรู้รายได้ดีขึ้นต่อเนื่อง

นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า ทิศทางการดำเนินงานของทาง KTP มีแนวโน้มดีขึ้นจากที่ปีนี้บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้นการรับรู้รายได้น่าจะดีขึ้น จากปี 2548 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถพลิกจากผลขาดทุนเป็นกำไรสุทธิได้ 5 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทถือว่ามีจุดเด่นจากการมีผู้ถือหุ้นเป็นนักลงทุนต่างชาติ บริษัทยังมีโอกาสขยายทุนได้อย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งประเมินว่า ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในลักษณะการเก็งกำไรจากกระแสข่าวพันธมิตรมาโดยตลอด อีกทั้งบริษัทดังกล่าวถือว่ามีจุดเด่นจากที่กลุ่มผู้ถือหุ้นจากประเทศสิงคโปร์ที่มีฐานเงินช่วยในการสนับสนุน ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อรออนาคต เนื่องจากปัจจุบันระดับบ้านในโครงการบริษัทออยู่ในระดับกลางถึงบน ซึ่งไม่ค่อยได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ ดังนั้นเชื่อว่าบ้านระดับราคาดังกล่าวอาจสร้างขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าต่างประเทศมากกว่า อย่างไรก็ดียังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นดังกล่าวเนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากความชัดเจนของการดำเนินโครงการต่างๆ อีกทั้งระดับราคาในกระดานถือว่าแพงเกินไป พักฐาน-รอสัญญาณขึ้นรอบใหม่

นายศรันย์ ถวิลย์หวัง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ประเมินตาสัญญาณทางเทคนิค ราคาหุ้นมีแนวโน้มการพักฐานพอรอการสัญญาณการเคลื่อนตัวรอบใหม่ โดยประเมินแนวรับ 5.50 บาท และประเมินต้าน 6.00 บาท อย่างไรก็ดีประเมินว่าแนวรับดังกล่าวถือเป็นแนวรับสำคัญ ต้องระมัดระวังการเข้าลงทุน อีกทั้งหุ้นตัวดังกล่าวยังมีความเสี่ยงเนื่องจากขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย ทางเทคนิคแนวต้านสำคัญที่ 6-7บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค ประเมินว่า การเคลื่อนตัวของราคาหุ้นยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยประเมินแนวต้านสำคัญ 7 บาท ทั้งนี้เมื่อระดับราคาปรับตัวแตะใกล้ระดับ 6 บาท จะมีแรงขายทำกำไรออกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งประเมินแนวรับ 5.20 บาท แนะขาย เนื่องจากลดความเสี่ยง เนื่องจากที่ผ่านมาราคาไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมากนัก ประกอบกับยังไม่ความชัดเจนเรื่องปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

ที่มา:
กระแสหุ้นรายวัน