PaT.
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 29 |  วันที่: 24/08/2005 @ 09:26:55 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ยังมีแรงหนุนจาก 2 ส่วน[/color:adfa6e74a9">[/size:adfa6e74a9">
ก่อนหน้านี้ได้เคยกล่าวไว้ว่าหากมีปัจจัยบวกอะไรมาหนุนตลาดหุ้นไทย จะทำให้การปรับตัวขึ้นของตลาดจะขึ้นได้อย่างเสถียรภาพ เพราะที่ผ่านมาคือตั้งแต่ต้นปี 48 ถึงปัจจุบัน ตลดาหุ้นไทยวิ่งไดแย่ที่สุดหรือunderperform ที่สุด อย่างไรก็ตามการที่ตัวเลขดุลการค้าประจำเดือน ส.ค. ขาดดุลเหลือเพียงประมาณ 80 ล้านดอลลาร์ จากที่เคยขาดดุลเกือบ 2000 ล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค. ถือว่าเป็นข่าวดี แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังไม่สามารถยืนยันถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ แต่หลังจากนี้ไปการขาดดุลการค้าน่าจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจาก แม้ว่าราคาน้ำมันจะยังสูงกว่าแต่ปริมาณการใช้(ผ่านการนำเข้า) จะลดลง ประกอบกับครึ่งปีหลังการส่งออกจะค่อย ๆ ฟื้นตัวผ่าน อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์(ดูจาก chart of the day เมื่อ 22 ส.ค. 48) ประเด็นตรงนี้เองที่ตลาดตอบสนองในเชิงบวกค่อนข้างแรง[/color:adfa6e74a9">[/size:adfa6e74a9">
สำหรับแรงหนุนให้ดัชนีขึ้นแรงในรอบนี้คือ แรงซื้ออย่างต่อเนื่องของต่างชาติที่ยังมองภาพเศรษฐกิจและอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ โดยเศรษฐกิจไทยน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้ใน Q4/48 ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนคงจะถึงจุดต่ำสุดในQ3/48 กล่าวคือ ใน Q3 นี้ผลการดำเนินงานจะออกมาไม่ดี สำหรับเงื่อนไขซ่อนเร้นอย่างอื่นที่ต่างชาติน่าจะใช้พิจารณา คือ จีนจะต้องปรับค่าหยวนให้แข็งขึ้นอีกครั้งในปีนี้และการตั้งตลาดตราสารอนุพันธ์ล่วงหน้าของไทยในเดือน พ.ย. ประเด็นนี้หากไปดูตลาดหุ้นต่างประเทศที่เคยจัดตั้งตลาดนี้ขึ้นมา ตลาดหุนมักปรับขึ้นรับข่าวกันถ้วนหน้า ส่วนแรงซื้อของกองทุนในประเทศที่เริ่มหันกลับมาซื้อก็น่าจะมาจาก หุ้นในมือเริ่มลดลง[/color:adfa6e74a9">
หากเรามาดูการขึ้นรอบนี้เป็นผลมาจากอะไร ส่วนหนึ่งพอจะบอกได้คือ มีเม็ดเงนที่ย้ายมาจากตลาดหุ้นอื่น ๆ เข้าตลาดหุ้นไทยเพราะช่วงที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวลงในระหว่างวัน ที่ 661(ในวันที่ 17 ส.ค.) แล้วดีดตวกลับขึ้นแรงนั้น เมื่อมาพิจารณาเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค(MSCI) ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. ถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ขัดว่า มีเพียงตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ต่างปรับตัวลง (โดยไม่ต้องพิจารณาตลาดหุ้นปากีสถาน) เหตุผลก็น่าจะเกิดจากตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาแย่ที่สุดและตัวเลขทางเศรษฐกิจบางตัวดีขึ้น ส่วนแรงซื้อต่างชาติจุถือยาวหรือไม่ ตอนนี้ขึ้นกับเงื่อนไข คือ 1. ราคาน้ำมันจะขยับขึ้นไปต่หรือไม่ และ2. การปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะไปถึงขนาดไหน อย่างไรก็ตามแรงซื้อที่ยังโหมเข้ามาของต่างชาติในช่วงหลัง ๆ น่าจะเป็นนักลงทุนระยะกลางถึงยาวเพิ่มขึ้น เพราะเริ่มมองศักยภาพของการฟื้นตัว อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในตลาดไทยค่อนข้างสูงที่ 4-5% หรือ แม้แต่จะรอการตั้งตลาดตราสารอนุพันธ์(ที่พวกเขามีความชำนาญ) และการเฝ้ารอการเข้าตลาดของหุ้น EGAT[/color:adfa6e74a9">
สำหรับหุ้นที่ชัดดันตลาดในรอบนี้ ยังคงเป็นแบบเดิมคือ ใช้หุ้นพลังงาน เป็นตัวนำเพราะเป็นกลุ่มที่มีแรงหนุนจากภาวะน้ำมันและตามด้วยหุ้นใหญ่ในกลุ่มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเดินเรือ ธนาคารพาณิชย์ วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี อสังหาริมทรัพย์ และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ การกระจายตัวของการเล่นครั้งนี้ ถือว่าดีกว่ารอบที่ผ่านมาที่เน้นเฉพาะพลังงานใหญ่บางตัว ส่วนปริมาณการซื้อขายก็เริ่มคึกคัก[/color:adfa6e74a9">
ในเชิงแง่จิตวิทยาการลงทุนในช่วงนี้ ต้องบอกว่า ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนการเคลื่อนย้ายเงินทุนของต่างชาติมายังตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเซีย น่าจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวันและเกาหลี เริ่มทรงๆ ตัวแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นไปแรงจนหลายตลาดสร้างสถิติสูงสุด ณะที่อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรก็ยังทรง ๆ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น ส่วนเม็ดเงินจากการเข้าไปเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์(น้ำมัน) ที่สุดแล้วก็น่าจะกลับมายังตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดี[/color:adfa6e74a9">
กลยุทธ์การลงทุนในรอบนี้ เราไม่เน้น การลงทุนในกลุ่มพลังงานใหญ่มากนัก เพราะซื้อตอนนี้ ก็ไม่รู้จะขายตรงไหน และราคาหุ้นสูงมากแล้ว แต่เราเน้นไปยังหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวมากกว่า และราคาหุ้นยังไม่ขยับไปมาก เช่น กลุ่มธนาคาร ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ สื่อสารเล็ก รับเหมา เดินเรือบางตัว และบันเทิงบางตัว เพราะเรามองว่าหุ้นพลังงาน จะเกิดการพักตัวแล้วใช้กลุ่มที่เรากล่าวมาข้างต้น เป็นตัวลากดัชนีแทน ส่วนการเคลื่อนไหวของดัชนี แม้จะมีแรงขายออกมาบ้าง ก็ไม่น่ากลัว โดยเรามองว่า ดัชนีจะยังขึ้นได้อีก[/color:adfa6e74a9">
|
