April 25, 2024   8:56:56 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > KBANK-SCBคิวต่อไป - ม็อบบุกขอลดหนี้
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 30/03/2006 @ 09:22:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ม็อบเกษตรกรเรียงคิวเจรจาแบงก์ วันนี้บุก KBANK-SCB ได้ใจหลัง KTB BBLยอมลดหนี้ให้ครึ่งหนึ่งในทุกวงเงิน โละดอกเบี้ยทิ้ง และซื้อที่ดินที่ขายไปมาคืนกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กรุงไทยยอมรับแบงก์สูญเสียรายได้ 600 ล้านบาท หลังลดหนี้และตัดรายรับดอกเบี้ย[/color:bb11c6e26c">

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(30มี.ค.)ตัวแทนเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทยจะเดินทางไปชุมนุมที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เพื่อเรียกร้องให้ธนาคารขายหนี้ทั้งหมดให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หลังจากที่วานนี้(29มี.ค.)ประสบความสำเร็จในการเจรจากับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBLเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ตัวแทนเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทยประมาณ 3,000 คนได้เดินทางมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ธนาคารปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา คือสมาคมธนาคารไทยจะขายหนี้ทั้งหมดให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และระหว่างนี้สมาคมฯ จะไม่ดำเนินการทางกฎหมายกับเกษตรกรไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2549 แต่ที่ผ่านมาธนาคารกลับไม่ยุติการดำเนินการทางกฎหมาย เข้ายึดทรัพย์ และขายทอดตลาดทรัพย์สิน ทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกิน

นายธนพงษ์ เสวีวัลลภ ผู้ประสานงานเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทยกล่าวว่าสัญญาที่เคยตกลงกันไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีสาระสำคัญ 3 ข้อ คือ 1.ธนาคารกรุงไทยจะยกเลิกการฟ้องร้อง และขายทรัพย์สินของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกองทุนฯ จนกว่าจะถึงวันที่ 30 มิ.ย.49 2.ธนาคารจะขายหนี้ให้กับกองทุนฟื้นฟูฯ ในราคาลดต้น 50% และยกดอกเบี้ยให้ทั้งหมด เฉพาะหนี้ที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทเท่านั้น และ 3.ธนาคารรับผิดชอบสมาชิกกองทุน โดยการซื้อที่ดินเกษตรกรที่ธนาคารขายทอดตลาดไปแล้วกลับคืนมา
ธนาคารทั้ง 2 แห่งได้แก่กรุงไทย และกรุงเทพยินดีทำตามที่ตกลงกับเราไว้ทุกข้อแต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วเขาไม่ทำเขาลดหนี้ให้แค่ 10% และยังมีการแอบขายที่ดินของชาวนาในระหว่างข้อตกลง วันนี้เราจึงมาเรียกร้องตามสัญญาเดิมซึ่งธนาคารไม่ปฏิบัติตามนายธนพงษ์ กล่าว

ปัจจุบันหนี้สินของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกับกองทุนฟื้นฟูฯมีทั้งสิ้นประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งรวมหนี้ที่เกิดจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สหกรณ์การเกษตร และธนาคารพาณิชย์เอกชนแห่งอื่นๆ แต่ในจำนวนนี้เป็นหนี้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เช่น โดนขายทรัพย์สินไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างการขายทอดตลาดประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นลูกหนี้ประมาณ 4,000 กว่าราย
โดยได้ข้อสรุปว่า 1.ธนาคารยินดีจะขายหนี้เกษตรกรให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯในราคาส่วนลด50%ไม่เรียกเก็บดอกเบี้ย และใช้ข้อตกลงนี้กับลูกหนี้ทุกรายโดยไม่จำกัดวงเงิน จากเดิมที่กำหนดว่าจะช่วยเฉพาะวงเงินที่ตำกว่า 1 ล้านบาท ส่วนวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท จะต้องชำระ 90% ของเงินต้น ในกรณีที่หลักประกันคุ้มค่า แต่หากหลักประกันไม่คุ้มหรือไม่มีหลักประกันให้ชำระ 50% ของเงินต้น
2.ธนาคารยินดีจะเข้าไปเจรจาซื้อคืนที่ดินเกษตรกรกลับมา หลังจากที่ได้ขายทอดตลาดไปแล้ว และจะนำมาขายคืนให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับข้อ 1.

นายปรีชา ภูขำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ลูกหนี้ธนาคารซึ่งเป็นสมาชิกของกองกองทุนฟื้นฟูฯ มูลหนี้มากกว่า 2.5 ล้านบาทขึ้นไปมีประมาณ 40 ราย ซึ่งหากธนาคารทำการขายหนี้ออกไปในราคา 50% ของเงินต้นและตัดดอกเบี้ยออกไป จะทำให้แบงก์มีส่วนสูญเสียที่ต้องตัดออกจากบัญชีประมาณ 500-600ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้บุ๊คเป็นรายได้ลงในบัญชีแล้ว

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:bb11c6e26c">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com